นายสมจิตร โบว์เสรีวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สิงห์พาราเทค(SINGHA)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินในประเทศ รวมถึงธนาคารทหารไทย(TMB) ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป
"แผนการปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงิน 3 แห่ง ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างให้ที่ปรึกษาฯดำเนินการอยู่ ส่วนคดีฟ้องร้องกับธนาคารทหารไทยให้ทนายไปจัดการ แต่คงยืดไปเป็นปีหน้า"นายสมจิตร กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างยื่นอุทธรณ์คดีที่ TMB ยื่นฟ้องฐานผิดสัญญาเงินกู้และบังคับจำนอง ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาให้บริษัทฯ ชำระหนี้เงินต้นพร้อมดอกเบี้ยอัตรา 15% ต่อปีจนกว่าจะแล้วเสร็จ ขณะที่คดีที่ TMB ยื่นฟ้องล้มละลายนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลล้มละลายกลาง ซึ่งศาลได้เลื่อนการนัดฟ้องออกไป และให้ยื่นคำให้การได้ในวันที่ 6 ต.ค.52 ที่ผ่านมา
นายสมจิตร กล่าวยอมรับว่า ในปีนี้บริษัทไม่ได้มีการตั้งเป้าหมายยอดขาย เนื่องจากปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจโลกในช่วงที่ผ่านมาทำให้คำสั่งซื้อลดลงไปมาก และยังมองแนวโน้มในช่วงต่อไปลำบาก ขณะนี้บริษัทเน้นการนำสินค้าในสต็อกมาระบายขายในราคาแบบคละเหมาในราคาที่ไม่ถูกเกินไป และพยายามแก้ไขปัญหาด้วยการหาวิธีสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า เพื่อระบายสต็อกให้ได้มากที่สุด
"ภาวะไม่ค่อยดีคงจะทำได้ไม่เยอะ ก็พยายามหาของเก่ามาขาย แก้ไขปรับปรุงเอาสินค้าเท่าที่ดีๆ และนำมาขาย สต็อกเก่ามีแค่ไหนตอนนี้ขายได้เท่าไร คงต้องรอดูฝ่ายขายก่อน"นายสมจิตร กล่าว
"อยากจะฝากผู้ถือหุ้นว่าเราก็พยายามจะทำให้ดีขึ้น ส่วนจะพลิกเป็นกำไรได้เมื่อไร ไม่ทราบ ต้องรอปิดงบฯไตรมาส 3 เดือนหน้า" นายสมจิตร กล่าว พร้อมทั้งระบุว่า ขณะนี้บริษัทคงยังไม่มีประเด็นเรื่องพันธมิตรที่จะเข้าร่วมธุรกิจ
อนึ่ง SINGHA ไตรมาส 2/52 มีผลขาดทุน 25 ล้านบาท ไตรมาส 1/52 ขาดทุน 72 ล้านบาท ขณะที่ปี 51 มีผลขาดทุนสุทธิ 1,000.24 ล้านบาท เนื่องจากมูลค่าสต๊อกสินค้าลดและตั้งสำรอง รายได้จากการขายสินค้าลดลงเหลือ 569 ล้านบาท