นางสาวสุดาพร จันทร์วัฒนากุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจสินเชื่อบุคคล “เคทีซี" หรือ บมจ. บัตรกรุงไทย (KTC) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 4 หรือช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ เคทีซีจะจัดกิจกรรมทางตลาดในส่วนของธุรกิจสินเชื่อบุคคล หวังเพิ่มจำนวนยอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคล ในสิ้นปี 52 เป็น 519,600 ราย จากสิ้นไตรมาส 3/52 มียอดลูกหนี้ 503,000 ราย และตั้งเป้ายอดมูลหนี้คงค้างในสิ้นปีนี้ที่ระดับ 11,500 - 12,000 ล้านบาท จากสิ้นก.ย. 52 ที่ 10,715 ล้านบาท
โดยปัจจุบัน KTC มีพอร์ตลูกหนี้การค้ารวมสุทธิเท่ากับ 46,775 ล้านบาท มีฐานสมาชิกรวมทั้งสิ้นประมาณ 2.15 ล้านบัญชี โดยประกอบด้วย สินเชื่อบุคคลเคทีซีแคทประมาณ 514,000 บัญชี และมียอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคลเคทีซีแคชสุทธิเท่ากับ 10,979 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2552) นางสาวสุดาพร กล่าวว่า ตั้งแต่ปลายปี 51 จนถึงปัจจุบัน เคทีซีห่างหายไปจากตลาดสินเชื่อบุคคล เพราะวิกฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์ ทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อและหันมาคุมเข้มลูกหนี้รวมไปถึงยอดหนี้ที่ไม่เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลมากขึ้น ดังนั้น หลังจากที่ภาวะเศรษฐกิจช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีเริ่มฟื้นตัวขึ้น ทุกอย่างเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งเคทีซีจึงวางแผนกลับมาทำการตลาดในส่วนของสินเชื่อบุคคลอีกครั้ง
ในช่วงไตรมาส 1 ถึงไตรมาส 3 ปี 52 เคทีซีมุ่งเน้นการทำตลาดภายใต้แนวคิด"Customer Loyalty & Disclipinary" หรือการสร้างให้ลูกค้ามีวินัยทางการเงิน มุ่งเน้นการสร้างให้ลูกค้ามีวินัยในการชำระเงิน และมุ่งเน้นการสร้างความคุ้มค่าให้กับลูกค้า แต่สำหรับแผนการตลาดในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จะทำผ่านสินเชื่อบุคคล 2 ประเภท คือ สินเชื่ออเนกประสงค์ และสินเชื่อพร้อมใช้
สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักในการทำการตลาดคราวนี้จะเน้นไปยังกลุ่มลูกค้าที่เป็นข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ และพนักงานที่มีเงินเดือนประจำ ด้วย 2 แนวทางหลัก คือ การเน้นการสร้างลูกค้าที่มีคุณภาพด้วยการสร้างการรับรู้พร้อมรายการส่งเสริมการขายและโครงการคะแนนสะสมแทนส่วนลดดอกเบี้ย แนวทางที่ 2 คือ การเพิ่มศักยภาพให้กับลูกค้าบางกลุ่ม เช่นการเพิ่มวงเงินถาวรสำหรับสมาชิกที่มีประวัติดี
โดยลูกค้าข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือพนักงานบริษัทที่จะยื่นขอสินเชื่ออเนกประสงค์ต้องมีรายได้ขั้นต่ำ 15,000 บาทต่อเดือน ส่วนสินเชื่อพร้อมใช้ต้องมีรายได้ขั้นต่ำ 10,000 บาทต่อเดือน มีอายุงานไม่ต่ำกว่า 4 เดือน ก็จะได้รับการอนุมัติวงเงิน 4-5 เท่าของรายได้ แต่หากเป็นเจ้าของกิจการหรือดำเนินธุรกิจส่วนตัว ต้องมีเงินทุนหมุนเวียนอย่างต่ำ 100,000 บาทต่อเดือน ทั้ง 2 ประเภทคิดอัตราดอกเบี้ย 15% ต่อปี
พร้อมตั้งเป้าสิ้นปี NPL จะอยู่ที่ 2.0-2.5% จาก 2.3% ในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งลดลงจาก 2.5% ในเดือนมิ.ย.นี้ และ ตั้งเป้าควบคุมอัตราการผิดนัดชำระหนี้ให้อยู่ระหว่าง 8-9% ในสิ้นปีนี้ จาก 8.8% ในเดือน ก.ย.52 นอกจากนี้ตั้งเป้ารักษาส่วนแบ่งตลาดสินเชื่อบุคคล 5% ในสิ้นปี 52 ใกล้เคียงกับช่วง ณ สิ้นเดือน ก.ย.52 จากยอดสินเชื่อบุคคลทั้งระบบที่มีอยู่ในตลาดประมาณ 2.4-2.5 แสนล้านบาท
นางสาวสุดาพร ยังกล่าวว่า ขณะนี้ทางเคทีซียังได้ร่วมกับสถาบันการเงินทั้งที่เป็นแบงก์และ Non-Bank กว่า 40 ราย เพื่อตั้งชมรมสินเชื่อบุคคล ภายใต้การกำกับดูแลของสมาคมธนาคารไทย ซึ่งจะมีบทบาทหน้าที่หลักคือ เป็นที่ปรึกษาให้กับสมาชิกที่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องสินเชื่อ รวมทั้งร่วมมือกันดูแลข้อกฎหมายต่างๆ ที่ทางการมีการนำมาตรการต่าๆง ออกมาใช้ คาดว่าการจัดตั้งชมรมสินเชื่อบุคคลน่าจะเกิดขึ้นได้ภายในปีนี้