ไอเอ็นจี กรุ๊ป เผยดัชนีความเชื่อมั่นนลท.ไทย Q3/52ทรงตัวสวนทางดัชนีหุ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 16, 2009 11:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ไอเอ็นจี กรุ๊ป เผยผลสำรวจภาวะการลงทุนไตรมาส 3/52 พบว่า จากรายงานการสำรวจภาวะการลงทุนรายไตรมาสว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในประเทศไทยอยู่ที่ 113 ในไตรมาส 3/52 ซึ่งทรงตัวในระดับเดียวกับไตรมาส 2/52 แม้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในไตรมาส 3/52 นั้นจะปรับตัวสูงขึ้น แต่ระดับความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังอยู่ในระดับปานกลาง

“แม้ว่าตลาดหลักทรัพย์ไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3/52 และผลตอบแทนจากการลงทุนในหลายๆ สินทรัพย์ก็อยู่ในระดับที่เป็นบวก แต่สถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่มั่นคง และการที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐยังไม่ส่งผลอย่างชัดเจน ยังคงเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อดัชนีความเชื่อมั่นการลงทุนของไทย" นายต่อ อินทวิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายธุรกิจกองทุนรวมและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ไอเอ็นจี(ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

ขณะที่นักลงทุนในประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียมีระดับความเชื่อมั่นการลงทุนอยู่ในเกณฑ์ที่สูงถึงสูงมาก โดยดัชนีความเชื่อมั่นเฉลี่ยของนักลงทุนในภูมิภาคแพนเอเชีย(ยกเว้นญี่ปุ่น)ไต่ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 143 ในไตรมาส 3/52 จากที่ระดับ 132 ในไตรมาส 2/52 และ 86 ในไตรมาส 3/51 ท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย ควบคู่กับการที่นักลงทุนชาวเอเชียเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจโลกโดยรวมมีการปรับตัวดีขึ้น

นอกจากนั้น ผลการสำรวจครั้งนี้ยังบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนชาวเอเชียที่สูงที่สุดนับตั้งแต่มีการจัดทำดัชนีนี้ขึ้นมาในไตรมาส 3/50 เป็นต้นมา โดยดัชนีความเชื่อมั่นซึ่งอยู่ในเกณฑ์“ดี"นั้น ได้ขยับตัวเพิ่มสูงขึ้นอีกจากไตรมาสก่อน

ดัชนีความเชื่อมั่นการลงทุนในไทยยังคงทรงตัวอยู่ในระดับปานกลาง เนื่องจากปัญหาการเมืองของไทย ทั้งนี้ นักลงทุน 58% ระบุว่าปัญหาการเมืองปัจจุบันสร้างผลกระทบเชิงลบต่อการลงทุนของพวกเขา ขณะที่นักลงทุนประมาณครึ่งหนึ่ง(49%)ไม่มั่นใจว่าปัญหาการเมืองดังกล่าวจะคลี่คลายในไตรมาสหน้าหรือไม่

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีความวิตกเกี่ยวกับวิกฤติการเมือง นักลงทุนชาวไทยส่วนใหญ่มองว่าเศรษฐกิจไทยโดยรวมมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐที่รัฐบาลไทยประกาศจะดำเนินการล่าสุด รวมทั้งยอมรับว่าผลตอบแทนจากการลงทุนของตนมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

นอกจากนี้ นักลงทุนไทย 43% มองเห็นถึงการฟื้นตัวของการส่งออกไทย ขณะที่อีก 29% เชื่อว่า การใช้จ่ายของภาครัฐ คือ แรงขับเคลื่อนสำคัญของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทย นักลงทุนไทยจำนวนมากคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาจะฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 4/52 ซึ่งน่าจะทำให้ภาคการส่งออกของไทยปรับตัวดีขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

นักลงทุนไทยมีสัดส่วนของการลงทุนในกองทุน/หุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 37% ในไตรมาส 3/52 เทียบกับ 32% ในไตรมาส 2/52 ซึ่งนับว่ายังคงเป็นสัดส่วนที่น้อยกว่าไตรมาส 1/52 ที่ 58% อยู่มาก อันเป็นผลจากการขายเพื่อทำกำไร หลังจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากในไตรมาส 3/52

นักลงทุนชาวไทยยังคงมีทัศนคติที่ดีต่อตลาดหลักทรัพย์ไทย และคาดว่าตลาดจะมีการเติบโตเฉลี่ย 7.2% ในไตรมาส 4/52 นักลงทุนหลายรายยังคงมุ่งลงทุนในกลุ่มหลักทรัพย์ที่มีการเติบโตสูง อาทิ กลุ่มธุรกิจการเงิน (44%) พลังงาน (33%) และเทคโนโลยี (17%) ทั้งยังมีความเชื่อมั่นในกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยคาดว่า ราคาอสังหาริมทรัพย์จะดีดตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4.8% ในไตรมาส 4/52

ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงเน้นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำทั้งในทองคำและเงินฝาก ซึ่งในระยะใกล้แม้จะยังไม่เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อและทิศทางของการปรับอัตราดอกเบี้ยจะเป็นเรื่องน่ากังวล ทว่าอัตราเงินเฟ้ออาจกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่สูงที่สุดในระยะปานกลางสำหรับการลงทุนทั่วโลกในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า เนื่องจากการอุปโภคบริโภคในสหรัฐและทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ก็เริ่มที่จะพุ่งสูงขึ้น ดังนั้น นักลงทุนจึงควรคาดการณ์ทิศทางการลงทุนทั้งในระยะปานกลางและระยะยาว โดยลดการถือครองเงินฝากและทองคำ แล้วหันมาเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์ที่เป็นการลงทุนที่แท้จริง เช่น หุ้น หรือ อสังหาริมทรัพย์เพื่อรับมือกับเงินเฟ้อในระยะยาว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ