TPROP เล็งวางแผนลงทุนเน้น Retail Business ตามเส้นทางรถไฟฟ้า-รถใต้ดิน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 16, 2009 14:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ. ไทย พร็อพเพอร์ตี้ (TPROP) แจ้งว่า บริษัทยังอยู่ในระหว่างพิจารณาการลงทุนในโครงการในอนาคตที่เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจและสถานะทางการเงินของบริษัท โดยจะเน้นการลงทุนใน Retail Business ซึ่งตั้งอยู่ในแหล่งที่มีความสะดวกในการคมนาคม หรือตามเส้นทางรถไฟฟ้าและรถไฟฟ้าใต้ดิน

สำหรับโครงการที่ดำเนินการในปัจจุบัน มี 2 โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านสราญรมย์-รังสิต และโครงการคอนโดมิเนียม Metropolis

โครงการบ้านสราญรมย์-รังสิต เป็นโครงการบ้านเดี่ยวสร้างเสร็จก่อนขาย รวมจำนวน 41 ยูนิต ซึ่งอยู่ระหว่างเร่งการขายและปิดโครงการสำหรับที่ดินทีเหลืออีก 4 แปลงให้แล้วเสร็จโดยเร็ว หลังจากได้มีการก่อสร้างบ้านแล้วเสร็จและโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้ซื้อแล้วจำนวน 37 หลัง ณ 30 มิ.ย.52 แต่เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในภาวะชะลอตัว ประกอบกับการแข่งขันของธุรกิจยังคงเป็นไป อย่างรุนแรง ทำให้บริษัทยังไม่สามารถปิดโครงการได้

ส่วนโครงการ Metropolis เป็นส่วนหนึ่งของโครงการประตูน้ำเซ็นเตอร์ เป็นศูนย์การค้าและอาคารสูงรวม 3 อาคาร ประกอบด้วย อาคารชุดพักอาศัย, อาคารสำนักงาน และโรงแรม ซึ่งบริษัทได้สิทธิการเช่าอาคารชุดพักอาศัย จากบริษัทเกรทไชน่า มิลเลนเนียม (ประเทศไทย) จำกัด มีพื้นที่รวม 24,136 ตารางเมตร พื้นที่ขายสุทธิ 16,619 ตารางเมตร

ทั้งนี้ มีเงื่อนไขว่าเกรทไชน่าฯจะต้องก่อสร้างให้แล้วเสร็จเพื่อส่งมอบให้แก่บริษัท โดยแบ่งพื้นที่ขายเป็น 2 ส่วนคือ ห้องชุด มีพื้นที่ขาย 11,599 ตารางเมตร แบ่งเป็น 229 ห้อง แต่การก่อสร้างอาคารไม่แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด ทำให้มีผลกระทบต่อประมาณการยอดขายและรายได้ของบริษัท และส่งผลให้การส่งมอบพื้นที่ให้แก่ผู้ซื้อต้องล่าช้าออกไปด้วย ณ วันที่ 30 มิ.ย.52 มียอดขาย 45 ห้อง มูลค่าประมาณ 115 ล้านบาท หรือ 20.44% ของพื้นที่ขาย ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ในระหว่างเร่งรัดการก่อสร้างให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

ส่วน Serviced Apartment พื้นที่ 5,020 ตารางเมตร แบ่งเป็น 94 ห้อง คาดว่าหลังจากการก่อสร้างแล้วเสร็จจะทำรายได้ให้กับบริษัทไม่ต่ำกว่าปีละ 12-15 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญาเช่าอาคาร

สำหรับค่าก่อสร้าง โครงการ Metropolis ทางเกรทไชน่าฯ เป็นผู้รับผิดชอบในการก่อสร้างด้วยค่าใช้จ่ายของบริษัทเกรทไชน่าทั้งสิ้น เป็นจำนวนเงินประมาณ 466 ล้านบาท ซึ่ง ณ วันที่ 30 มิ.ย.52 เกรทไชน่าฯ ลงทุนไปแล้ว 335 ล้านบาท คิดเป็น 71.89% ของมูลค่าค่าก่อสร้าง

ขณะที่รายการในงบการเงินเกี่ยวกับ เกรทไชน่าฯ เรื่องค่าตอบแทนการโอนสิทธิการเช่าโครงการประตูน้ำและลูกหนี้ค่าที่ปรึกษาตามสัญญาต่างตอบแทน บริษัทจะได้รับชำระค่าตอบแทนรวม 1,200 ล้านบาท และเงินค่าตอบแทนเพิ่มเติมที่บริษัทจะได้รับภายหลังจากการลดทุนในส่วนของหุ้นบุริมสิทธิของเกรทไชน่าฯ อีก 300 ล้านบาท ตามที่ปรากฏในงบการเงิน ณ 30 มิ.ย.52 บริษัทได้รับชำระค่าตอบแทนตามสัญญาแล้ว 700 ล้านบาท และยังคงเหลือค่าตอบแทนที่จะต้องจ่ายให้บริษัทอีก 800 ล้านบาท และเมื่อหักกับเงินยืมทดรอง ที่เกรทไชน่าฯให้บริษัทยืม 509 ล้านบาทแล้ว จะเหลือจำนวนเงินที่เกรทไชน่าฯต้องชำระให้แก่บริษัทตามสัญญาต่างตอบแทน 291 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทได้รับแจ้งจากเกรทไชน่าฯ เกี่ยวกับการทำสัญญาให้เช่าช่วงสิทธิการเช่าในอาคารA (อาคารสำนักงาน) และอาคาร C (อาคารโรงแรม) และในส่วนของ Podium ชั้น 9 และ ชั้น 10 เฉพาะบางส่วน โดยเกรทไชน่าฯ จะนำเงินที่รับเป็นค่ามัดจำตามสัญญาให้เช่าช่วงสิทธิการเช่าส่วนหนึ่งมาชำระให้กับทางบริษัท ทั้งนี้ค่าเช่าช่วงส่วนที่เหลือ เกรทไชน่าฯจะได้รับเมื่อการก่อสร้างอาคารแล้วเสร็จและส่งมอบให้แก่ผู้เช่าช่วงและเมื่อรวมกับค่าเช่าช่วงพื้นที่ Podium ในส่วนที่เหลือจะทำให้เกรทไชน่าฯมีเงินสดส่วนเกินที่จะนำมาชำระให้กับเจ้าหนี้ทุกรายรวมทั้งบริษัทด้วย ซึ่งบริษัทอยู่ในระหว่างการติดตามทวงถามเพื่อให้ได้รับเงินตามจำนวนที่ตกลงกันให้ครบถ้วนต่อไป

อนึ่ง บริษัทได้ลงทุนในหุ้นบุริมสิทธิของเกรทไชน่าฯ เป็นจำนวนเงิน 300 ล้านบาทระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี และเกรทไชน่าฯ จะลดทุนจดทะเบียนในส่วนของหุ้นบุริมสิทธิเพื่อนำเงินมาชำระคืนให้กับบริษัท พร้อมเงินปันผลสะสมรายปี อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางบริษัทได้อนุญาตให้เกรทไชน่าฯขยายระยะเวลาการชำระคืนออกไปเป็น 7 ปี

ด้านเงินกู้ยืมระยะสั้นจากบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน คือ บริษัท แอดวานซ์ พี.อี.ซี.จำกัด บริษัทได้กู้ยืมเงินระยะสั้นจากแอดวานซ์ พี.อี.ซี. จำนวน 120 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 14% ต่อปี ปัจจุบันมียอดเงินกู้ยืมคงเหลือ 4.0 ล้านบาท โดยบริษัทได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นหลักฐานการกู้ยืมและมีกำหนดชำระคืนให้แล้วเสร็จในเดือน ธ.ค.552 ส่วนเงินกู้ยืมระยะสั้นจากบริษัท อันดามัน ลองบีช รีสอร์ท จำกัด จำนวน 10 นบาท อัตราดอกเบี้ย 15%ต่อปี บริษัทได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นหลักฐานการกู้ยืมและมีกำหนดชำระคืนเมื่อทวงถาม

ด้านกิจการที่เกี่ยวข้องกันของบริษัท แฟร์เฮเวน จำกัด ซึ่งบริษัทได้ดำเนินคดีกับบริษัท แฟร์เฮเวน จำกัด และต่อมาได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยบริษัท แฟร์เฮเวน จำกัดตกลงผ่อนชำระเงินจำนวน 90 ล้านบาทให้บริษัทเป็นงวด ๆ งวดละ 2 ล้าน บาท รวม 45 งวด ปัจจุบันบริษัทได้รับเงินจากบริษัท แฟร์เฮเวน จำกัด แล้ว 61 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ