นายสมชัย สิทธิชัยศรีชาติ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น(SIS)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า รายได้รวมของบริษัทในปี 52 จะเติบโตได้มากกว่า 5-10% จากปี 51 ที่มีรายได้ 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเหนือกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าปีนี้อุตสาหกรรมไอทีอาจจะไม่เติบโตหรือโตได้แค่เล็กน้อย แต่ปรากฏว่าครึ่งปีหลังงบกระตุ้นภาครัฐที่ออกมาช่วยได้มาก
และยังเชื่อว่างบไทยเข็มแข็ง รวมทั้งการเปิดให้บริการโทรศัพท์มือถือในระบบ 3G ก็จะช่วยทำให้อุตสาหกรรมไอทีในปี 53 เติบโตได้มากกว่าปีนี้ และรายได้ของบริษัทก็มีโอกาสเติบโตสูงกว่าภาพรวม
"ปกติเราจะไม่เคยเล็กลง โตขึ้นตลอด จากที่เคยคาดว่าปีนี้รายได้รวมจะโตกว่าอุตสาหกรรมไอทีเล็กน้อย ตอนต้นปีประมาณว่าปีนี้ไอทีไม่มีการเติบโต แต่คิดว่าเราจะโตได้นิดหนึ่ง แต่พอมาครึ่งปีหลังเห็นงบฯที่ออกมาแล้ว พ.ร.บ.เงินกู้ฯ ที่ผ่านสภาแล้วก็คาดว่าปีนี้ไอทีจะโตได้ 5% หรือถ้าโชคดีถ้างบฯทันก็อาจจะกระตุ้นขึ้นไปใกล้ 10% ได้ อาจจะโตในช่วง 5-10% แต่ปกติของเราจะโตกว่านิดหนึ่ง"นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย กล่าวว่า ไตรมาส 3/52 ยังเป็นไปตามวงจรธุรกิจของบริษัทที่จะเป็นช่วงที่ผลประกอบการออกมาดีที่สุดของปีตามภาพรวมอุตสาหกรรมไอที ซึ่งปีนี้ก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติจากที่ผ่านมา ซึ่งมีโบรกเกอร์หลายรายคาดว่าผลประกอบการของ SIS ยังจะอยู่ระดับสูงต่อเนื่องจากไตรมาส 2/52 ที่ทำจุดสูงสุด 59 ล้านบาท
"โดยทั่วๆไปไตรมาส 3 ถ้าดูจากสถิติเก่าๆ ไตรมาส 3 เป็นไตรมาสที่ดีที่สุด ที่ผ่านมาหลายปีไม่นับช่วงปฏิวัติ ถ้าย้อนหลังไปธุรกิจไอทีไตรมาส 3 เป็นไตรมาสที่ดี โบรกฯก็มา confirm ว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ถ้าไม่มีอะไรก็เป็นไปตามทั่วๆ ไป"นายสมชัย กล่าว
ส่วนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้อาจจะมียอดขายที่เพิ่มเข้ามาเล็กน้อยจากงานคอมมาร์ทที่จะมีขึ้นในเดือน พ.ย.52 เพราะปกติยอดขายก่อนถึงงานและภายหลังจากงานจะลดลงเล็กน้อย โดยจะไปเพิ่มในงาน ทำให้เมื่อประเมินภาพรวมรายได้ก็จะดีขึ้นพอสมควร แต่ก็ช่วยสร้างดีมานด์ต่อเนื่องได้บ้าง
นายสมชัย กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาสินค้าค้างสต็อกหรือมูลค่าสินค้าในสต็อกลดลง เพราะส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่สั่งมาเพื่อรองรับโครงการต่าง ๆ ที่บริษัทได้รับงานมาเพื่อรอการส่งมอบและติดตั้ง แม้ว่าจะทำให้สต็อกค่อนข้างสูง และอาจมีค้างในสต็อกบ้างบางช่วง แต่ก็เชื่อว่าจะส่งมอบติดตั้งได้ทั้งหมด ยกเว้นสินค้าประเภทขายหน้าร้าน แต่บริษัทก็ตั้งสำรองไว้แล้วทั้งหมด
นายสมชัย กล่าวว่า ยอดขายของบริษัทในปีหน้าจะได้รับผลดีจากงบกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการไทยเข้มแข็ง 2555 และการเปิดให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3G รวมทั้งได้รับประโยชน์จากเงินบาทที่ยังแข็งค่าต่อเนื่องจากในปีนี้ งบไทยเข้มแข็งจะช่วยได้ใน 2 มุม โดยผลดีทางตรง คือ การจัดซื้อสินค้าด้านไอทีจากส่วนราชการทั่วไปที่จะเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีการใช้งบด้านไอทีน้อยมาก และมีโครงการเร่งติดตั้งคอมพิวเตอร์ให้กับโรงเรียนประถมและโรงเรียนมัธยมฯทั่วประเทศ ส่วนผลทางอ้อมคือมีการจ้างงานต่อไปอีกมากจากการใช้งบประมาณเป็นลูกโซ่ ผลจากการใช้งบประมาณดังกล่าวจะเริ่มเห็นตั้งแต่ไตรมาส 4/52 ซึ่งเป็นช่วงต้นของปีงบประมาณ 53 และหลังจากนี้ไปจะค่อยๆดีขึ้น โดยทั้งปีงบประมาณ 53 มีงบลงทุนภายใต้ไทยเข็มแข็งนับแสนล้านบาท แม้ว่าจะไม่ได้แยกงบประมาณด้านไอทีไว้อย่างชัดเจน แต่เชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นงบลงทุนในโครงการใด ก็จะมีส่วนของไอทีประกอบอยู่ด้วยแทบทั้งนั้น "ไทยเข้มแข็งไตรมาส 4 เข้ามาแล้ว เพราะเริ่มประมูลกันบ้างแล้วแต่ที่เดาไม่ออกคือจะส่งทันหรือเปล่า แต่ไม่คิดว่าจะเป็นประเด็นจะเข้าไตรมาส 4 หรือไตรมาส 1 ก็ไม่เป็นไร รู้ว่าเงินถ้าใส่เข้ามาเต็มๆ เป็นแสนล้านบาท ดีขึ้นแน่นอน แต่ปีหน้า (53) งบฯน่าจะเข้าเต็มๆ ปีนี้ยกเว้นบางโครงการที่ทำได้เร็ว"นายสมชัย กล่าว ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าปีหน้าสัดส่วนรายได้จากงานภาครัฐอาจจะเกิน 20% ขณะที่ภาคเอกชนยังเกร็งๆอยู่ อาจจะยังต้องรอให้ผ่านครึ่งปีแรกไปก่อนจึงจะเห็นการใช้จ่ายจริง หรืออย่างภาคอุตสาหกรรมบางภาคก็ยังติดขัดอยู่ อย่างภาครถยนต์ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ สำหรับผลดีจากเทคโนโลยี 3G นั้น นายสมชาย กล่าวว่า ในปี 53 บริษัทจะมียอดขายแอร์การ์ดเพิ่มเข้ามามากขึ้น จากเดิมที่ขายอยู่บ้างแต่ตลาดยังค่อนข้างเล็กมาก ซึ่งหาก 3G ให้บริการเต็มที่ก็จะทำให้รายได้ในส่วนนี้เติบโตขึ้นไปพร้อม ๆ กับสินค้าคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คที่ได้รับความสนใจจากตลาดค่อนข้างมากและยังมีแนวโน้มที่ดี "แอร์การ์ดเพิ่งเริ่มก็ขายเป็น 2G ไปก่อน เพียงแต่เราพยายามจะบอกคนซื้อว่าลงทุนเพิ่มอีกเล็กน้อยไม่กี่ร้อยบาท ซื้อรุ่น 3G ไปเลย แต่ใช้กับ 2G ไปก่อน เนื่องจากตลาด 2G เล็กจึงไม่ได้ใส่ใจมาก แต่ตอนนี้เราจะทำรุ่น 3G ไปเลย การที่มี 3G และถ้าติดตั้งเสาสัญญาณดีจะได้ความเร็วสูงมากก็จะทำให้คนใช้เพิ่มขึ้น" นายสมชัย กล่าว นายสมชัย กล่าวว่า การแข็งค่าของเงินบาททำให้บริษัทได้รับประโยชน์ด้านบวก ซึ่งขณะนี้แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ยังอ่อนค่าเนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน ทำให้มูลค่าสินค้าที่นำเข้าถูกลง ก็เป็นช่วงที่ผู้ประกอบการไทยน่าจะใช้จังหวะนี้ทยอยซื้อสินค้าประเภทไอที โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ไปใช้กันมากขึ้น "ในแง่ของอัตราแลกเปลี่ยนเนื่องจากเราทำฟอร์เวิดร์ดไว้หมดแล้ว อัตราแลกเปลี่ยนจึงเป็นตัวเลขทางเทคนิคที่ประเมินความแตกต่างเท่านั้น"นายสมชัย กล่าว บริษัทยังมีแผนงานในปีหน้าที่จะขยายจำนวนบุคลากรตามการเพิ่มจำนวนสินค้า จากในปีนี้รับเพิ่มไปแล้ว 60-70 คน ก็ยังจะจ้างเพิ่มขึ้นอีกเพื่อรองรับงานในปีหน้า และอีกส่วนหนึ่งมาจากนโยบายที่ต้องการให้บริการลูกค้าอย่างดี เพราะเชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเพิ่มยอดขายขึ้น จึงไม่ลังเลที่จะรับคนเพิ่มและเพิ่มสินค้าเข้ามา ขณะที่การจ่ายปันผลยังคงนโยบายเดิม 40%