นายชัยวัฒน์ เครือชะเอม กรรมการผู้จัดการ บมจ. ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์" ว่า ยังเดินหน้าเจรจาลงทุนเหมืองในอินโดนีเซียต่อไป แม้ว่าจะมีธุรกิจเหมืองของบมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) แล้วก็ตาม โดยตั้งงบ 1-1.2 พันล้านบาท และอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการ 3 ราย โดยอยู่ในอินโดนีเซียทั้งหมด คาดว่าจะสรุปเหลือ 1 ราย แต่คาดว่าคงไม่ทันปีนี้
"เรื่องลงทุนเหมืองถ่านหินที่อินโดฯก็ยังเดินหน้าอยู่ ยังไม่ล้มแผน แม้ว่าจะมีธุรกิจเหมืองถ่านหินในส่วนของ TTA แล้วก็ตาม โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจากับ 3 ราย คาดจะสรุปให้เหลือรายเดียว แต่คงไม่ทันปีนี้ คาดใช้เงินลงทุนระดับ 1-1.2 พันล้านบาท"นายชัยวัฒน์ กล่าว
ส่วนการขายหุ้นจำนวน ในจำนวน 52,858,520 หุ้น คิดเป็น 34.78% และวอแรนต์ จำนวน 3,222,100 หน่วย หรือ 5.55% ให้ TTA ไปแล้ว ตนยังเหลือหุ้น UMS ในมือรวมแล้วอีกกว่า 2% ก็คงจะรักษาสัดส่วนการถือหุ้นนี้เอาไว้เพื่อให้ยังสามารถมีส่วนในการบริหารงานต่อไปได้ และเชื่อว่าทาง TTA คงจะส่งบุคคลากรเข้ามาร่วมบริหารด้วยแน่นอน แต่ยังไม่ทราบว่าจำนวน
"ต้องถามว่านักข่าวเบื่อคุยกับผมหรือยัง ถ้ายังไม่เบื่อผมก็จะอยู่ไปเรื่อยๆ"นายชัยวัฒน์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการมี TTA เข้ามาถือหุ้นจะช่วยเพิ่มศักยภาพในหลายๆ ด้าน เพราะ TTA เป็นบริษัทที่มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีกองเรือเทกองขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยผลักดันธุรกิจของ UMS แข็งแกร่งมากขึ้น
"ผมว่าเราได้หลายอย่างจากการเข้ามาลงทุนของ TTA คือ หนึ่ง เป็นบริษัทที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่งกว่าเรา มีเรือซึ่งเป็นเรื่องที่เราใช้อยู่เป็นปกติ เราก็มีโอกาสไปใช้ของเขา นอกจากนี้เราสามารถพิจารณาเรื่องขอใช้สายเหมืองถ่านหินที่ TTA ลงทุนไปแล้ว ผมว่าหลายๆ ด้านน่าจะเป็นจุดที่ทำให้ UMS เข้มแข็งมากขึ้น"นายชัยวัฒน์ กล่าว
นายชัยวัฒน์ มองการเติบโตของ UMS หลังจากมี TTA เข้ามาลงทุนว่า ต้องขึ้นอยู่กับตลาด เศรษฐกิจในเมืองไทด้วย ถ้าเป็นเหมือนที่รัฐบาลมองว่าจะกลับมาการมี TTA เข้ามาช่วยน่าจะทำให้ UMS เติบได้มากกว่าอย่างที่เคยเป็น คือเติบโตเฉลี่ย 20-30%ต่อปี