ทางการสหรัฐเร่งตรวจสอบคดีที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายในการใช้ข้อมูลภายเพื่อซื้อขายหุ้นหรืออินไซเดอร์ เทรดดิ้ง โดยคดีบางส่วนนี้ก็มีส่วนเกี่ยวพันกับอาชญากรเศรษฐกิจระดับมหาเศรษฐีซึ่งเป็นผู้จัดการเฮดจ์ฟันด์อย่างนายราช ราชารัตนาม มหาเศรษฐีชาวศรีลังกา-อเมริกัน ผู้ก่อตั้งเฮดจ์ฟันต์ "แกลีออน กรุ๊ป" ที่ทำให้เกิดความตื่นตระหนกไปทั่วตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
การจัดการกับเครือข่ายอินไซเดอร์ เทรดดิ้งครั้งนี้พุ่งเป้าไปที่บุคลากรในตลาดหุ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการเฮดจ์ฟันด์ ทนายความ หรือนักลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งการสอบสวนครั้งนี้ได้ข้อมูลส่วนหนึ่งมาจากข้อมูลลับของคณะกรรมการกำกับดูแลตลาดหลักทรัพย์ที่ต้องการจะเปิดเผยรายชื่อกลุ่มบุคคลที่ลงทุนในตลาดในช่วงเวลาที่เอื้ออำนวยเหมือนๆกัน
ที่ผ่านมา คณะผู้ตรวจสอบมีปัญหาในการเอาผิดกับนักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่ เช่น ผู้จัดการเฮดจ์ฟันด์ ซึ่งมักจะเลี่ยงกฎระเบียบในการซื้อขาย และเลี่ยงที่จะตอบคำถาม โดยชี้ว่า พวกเขาโชคดีโดยบังเอิญกับการซื้อขายและทำกำไรจากหุ้นหลายล้านหุ้นของตนเอง และกรณีของราชานั้นทำให้คณะสืบสวนของสหรัฐตกเป็นที่จับตาดูว่า จะใช้กลยุทธ์ในเชิงรุกในการกำจัดวงจรการทำอินไซเดอร์เทรดดิ้ง รวมทั้งติดตามและสอบหาข้อมูลได้หรือไม่
บลูมเบิร์กรายงานว่า แบรดลีย์ เบนเน็ต พาร์ทเนอร์ของเบเกอร์ บ็อตส์ กล่าวว่า หากต้องการจะกำจัดต้นตอของปัญหาแล้วก็ควรจะกำจัดเสียให้สิ้นซาก และหากพวกเขากำลังจะจัดการกับมหาเศรษฐี คณะทำงานก็จำเป็นต้องมีหลักฐานและข้อมูลที่เพียบพร้อม คำพูดของจำเลยเพียงคำพูดเดียวก็ถือเป็นหลักฐานที่มัดตัวแน่นที่สุดเช่นเดียวกัน
นายราช ราชารัตนัม และผู้บริหารของบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯหลายราย ถูกจับและตั้งข้อหาใช้ข้อมูลภายในในการซื้อขายหุ้น ในตลาดหลักทรัพย์วอลล์ สตรีท เป็นเวลา 3 ปี ตั้งแต่เดือน ม.ค.2549 เนื่องจากซื้อขายหุ้นผิดกฎหมายถึง 20 ล้านดอลลาร์ นับเป็นคดีใช้ข้อมูลภายในซื้อขายหุ้นของกองทุนเก็งกำไรที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์