Asia Marketsสรุปภาวะตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียประจำวันที่ 19 ตุลาคม 2552

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 19, 2009 15:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดตลาดวันนี้อ่อนตัวลงเกือบ 1% เนื่องจากหุ้นกลุ่มแบงค์ที่ร่วงลงและตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ปิดในแดนลบ

ดัชนี S&P/ASX 200 ปิดลบ 43.6 จุด หรือ 0.9% แตะ 4,792.8 จุด

-- ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันขยับขึ้นปิดในแดนบวกเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันในวันนี้ โดยหุ้นกลุ่มผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ อาทิ เอเซอร์ อิงค์ ได้รับอานิสงส์จากผลประกอบการที่สดใสของไอบีเอ็ม และข่าวการเปิดตัว Windows 7 ของไมโครซอฟท์ในเร็วๆนี้

ดัชนีเวทเต็ดปิดปรับตัวขึ้น 36.22 จุด หรือ 0.47% แตะที่ 7,751.32 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดในรอบ 16 เดือน

-- ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดขยับขึ้นในวันนี้ จากปัจจัยหนุนของหุ้นกลุ่มส่งอกที่เคลื่อนไหวในแดนบวกหลังสกุลเงินวอนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนักลงทุนมองว่าภาวะเช่นนี้จะช่วยกระตุ้นการแข่งขันของบริษัทในต่างประเทศ

ดัชนีคอมโพสิตเพิ่มขึ้น 8.71 จุด หรือ 0.53% แตะที่ระดับ 1,649.07 จุด โดยมีปริมาณการซื้อขายที่ 268 ล้านหุ้น มูลค่า 3.69 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

-- ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดลดลงในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมส่งออก หลังจากบริษัทสหรัฐรายงานผลประกอบการที่อ่อนแอ อย่างไรก็ตาม นิกเกอิขยับลงเล็กน้อยเนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มการเงิน

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดลบ 21.05 จุด หรือ 0.21% แตะที่ 10,236.51 จุด

-- ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดตลาดวันนี้พุ่งสูงขึ้น เนื่องจากมุมมองที่มีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เป็นบวกช่วยหนุนตลาดดีดตัวขึ้นอย่างมาก

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตดีดตัวขึ้น 61.64 จุด หรือ 2.07% แตะ 3,038.27 จุด ส่วนดัชนีหุ้นเสิ่นเจิ้นพุ่ง 449.9 จุด หรือ 3.74% ปิดที่ 12,483.27 จุด มูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นแตะ 2.26 แสนล้านหยวน หรือ 3.32 หมื่นล้านดอลลาร์

-- ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดบวกแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือนในวันนี้ หลังเศรษฐกิจจีนมีแววขยายตัวตามเป้าที่รัฐบาลตั้งไว้

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีฮั่งเส็งบวก 270.56 จุด ปิดที่ 22,200.46 จุด มีมูลค่าการซื้อขายลดลงแตะ 6.063 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 7.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ