ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 เดือนเมื่อคืนนี้ (19 ต.ค.) จากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่อย่างหนาแน่น เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้นทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าผลประกอบการของบริษัทเหมืองแร่และพลังงานจะฟื้นตัวขึ้นด้วย นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจอังกฤษจะขยายตัวขึ้นแข็งแกร่ง
บลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 พุ่งขึ้น 91.30 จุด ปิดที่ 5,281.54 หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,190.24-5,281.54 จุด
อังกัส แคมป์เบลล์ นักวิเคราะห์จากบริษัท แคปิตอล สเปรดส์ กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนคึกคักขึ้นหลังจากเอิร์นส์ แอนด์ ยัง ไอเท็ม คลับ บริษัทวิจัยรายใหญ่ของอังกฤษคาดการณ์ว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปีพ.ศ.2553 ของอังกฤษจะขยายตัว 1% เมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัวเพียง 0.5% อย่างไรก็ตาม เอิร์นส์ แอนด์ ยัง คาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะหดตัวลง 4.5% มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะหดตัว 4.4%
สมาคมผู้ค้าปลีกอังกฤษ (BRC) เผยยอดค้าปลีกในกรุงลอนดอนประจำเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 7.5% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี เพราะสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นได้กระตุ้นให้ผู้บริโภคออกมาจับจ่ายใช้สอยกันเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินปอนด์เมื่อเทียบกับเงินยูโรเป็นปัจจัยที่ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากชาวยุโรปตะวันออกมากขึ้นด้วย
ราคาน้ำมันดิบและโลหะในตลาดโลกทะยานขึ้น ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและเหมืองแร่พุ่งขึ้นด้วย โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ปิดพุ่ง 4.7% หุ้นเวแดนต้า รีซอสเซส ปิดบวก 3.3% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ปิดบวก 2.4% และหุ้นเอ็กสตราต้าปิดพุ่ง 4%
ส่วนหุ้นเชลล์ปิดบวก 2.4% และหุ้นบีพี 2.7% หลังจากมีรายงานว่าคณะรัฐมนตรีอิรักตกลงเห็นชอบให้กลุ่มบริษัทพลังงานซึ่งมีบีพีเป็นแกนนำ ดำเนินการพัฒนาบ่อน้ำมันรามัลเลาะห์ในอิรักได้