นายปิยะ จงวัฒนา ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.พัฒน์กล(PATKL)กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า วันนี้ ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งให้บริษัทเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการตามที่บริษัทยื่นขอไป โดยให้ บมจ. พัฒน์กล เป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ
จากนี้ก็จะมีขั้นตอนในการทำแผนฟื้นฟู อย่างเร็วที่สุดคือ 5 เดือน แต่ถ้าตามกระบวนการก็ประมาณ 6 เดือนในการทำแผนฟื้นฟูกิจการ เพื่อให้เจ้าหนี้โหวต
"ก็คงต้องมีไม่น้อยกว่า 6 เดือนในการทำแผนฟื้นฟูกิจการ"นายปิยะ กล่าว
อนึ่ง PATKL ได้ยื่นขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2552 และศาลมีคำสั่งรับคำร้องการยื่นฟื้นฟูกิจการแล้ว เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2552 เป็นคดีดำหมายเลข ฟ.26/2552 และ ศาลกำหนดนัดไต่สวนคำร้อง ใน วันที่ 21 กันยายน 2552
โดยในการนัดไต่สวนคำร้องเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2552 มีเจ้าหนี้คัดค้านการยื่นคำร้อง ศาลจึงมีคำสั่งให้นัดไต่สวนคำร้องของผู้คัดค้าน ในวันที่ 5 ตุลาคม 2552 เวลา 9.00 น. ผลการนัดไต่สวนคำร้องของผู้คัดค้าน ในวันที่ 5 ตุลาคม 2552 ปรากฎว่าพยานของผู้ร้องคัดค้านไม่มาศาล ผู้ร้องคัดค้าน จึงแถลงไม่ติดใจคัดค้านอีกต่อไป
ดังนั้น ศาลจึงกำหนดนัดฟังคำพิพากษาผลการพิจารณาคดี ในวันที่ 20 ตุลาคม 2552 เวลา 9.00 น
นายปิยะ กล่าวว่า ระหว่างนี้บริษัทจะยังคงเดินหน้าธุรกิจควบคู่ไปกับการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ โดยธุรกิจหลัก (Core Business) ยังคงเป็นเครื่องทำน้ำแข็ง เครื่องจักรอาหาร ยังคงเป็นสัดส่วนรายได้หลักเกือบ 100% ของบริษัท
ส่วนธุรกิจเอทานอล ขณะนี้ได้มีการเจรจารับสร้างโรงงานเอทานอล 2-3 ราย แต่คาดว่าอาจจะไม่ทันปีนี้
"เรื่องเอทานอลเรายังมีการเจรจาอยู่เรื่อยๆ กับ 2-3 ราย เป็นการรับสร้างโรงงานเอทานอล เพียงแต่ความแน่นอนของการลงทุนยังไม่ชัดเจน เพราะความไม่ชัดเจนของอุตสาหกรรมเอทานอล อีกอย่าง PATKL ยังอยู่ระหว่างการเข้าแผนฟื้นฟูกิจการด้วย เราก็คงพูดลำบาก แต่เราก็พยายามเสนอตัวไปว่าเราทำได้"นายปิยะ กล่าว
ส่วนที่วานนี้ (19 ต.ค.) ศาลแพ่งกรุงเทพ นัดชี้สองสถานในคดีที่บริษัทฯ ได้ยื่นฟ้องคดีกับบริษัท ที พี เค เอทานอล จำกัด เป็นจำเลยที่ 1 และ บมจ. ธนาคารทหารไทย (TMB) เป็นจำเลยที่ 2 ในข้อหาผิดสัญญาซื้อขาย ตัวแทน ให้ชำระหนี้ และค่าเสียหาย จำนวนทุนทรัพย์ที่ฟ้อง 511,901,544.58 บาท ปรากฎว่า ศาลได้เลื่อนนัดไต่สวนชี้สองสถานไปเป็นวันที่ 20 พ.ย.52 เนื่องจากคู่กรณีขอรอฟังผลของศาลล้มละลายกลางวันนี้ก่อนว่าเราได้รับการอนุมัติให้เข้าสู่การฟื้นฟูกิจการหรือไม่
"คู่กรณีขอรอฟังผลของศาลวันนี้ก่อน เพราะเมื่อเราเข้าแผนฟื้นฟูกิจการ ไม่สามารถเดินคดีตามปกติได้ เพราะมันจะเป็น 2 กฎหมาย ทางทนายของคู่กรณีให้ความเห็นว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องให้ชัดเจนว่าเราอยู่ในแผนฟื้นฟูฯ หรือนอกแผนฟื้นฟูฯ เพราะถ้าเราอยู่ในแผนฟื้นฟูฯ เราจะได้ความป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายมาฟ้องล้มละลายเรา"นายปิยะ กล่าว