ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในเอเชียอ่อนตัวลงเช้านี้ หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขสร้างบ้านที่เพิ่มขึ้นน้อยเกินคาด และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อ่อนตัวลง
สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) แสดงความคิดเห็นว่าน้ำมันดิบอาจไม่ดีดขึ้นมายืนเหนือระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในอนาคตอันใกล้นี้ เนื่องจากซัพพลายในตลาดมีมากพอ
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นการปิดบวกติดต่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจะร่วงลงอีก ซึ่งช่วยกระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อสัญญาโลหะมีค่า รวมถึงทองคำ เพราะเชื่อว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดความเสี่ยง
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 10,292.39 จุด ลดลง 44.45 จุด ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นโซลเปิดวันนี้ที่ 1,649.81 จุด ลดลง 9.34 จุด ขณะที่ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 4,837.90 จุด ลดลง 8.30 จุด ส่วนดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,751.75 ลบ 1.77 จุด และดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,707.70 ลบ 3.39 จุด
บลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี MSCI Asia Pacific Index อ่อนตัว 0.3% แตะ 120.76 จุด เมื่อเวลา 10.10 น.ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงโตเกียว
หุ้นเจมส์ ฮาร์ดี อินดัสทรีส์ ร่วง 2.4% ในตลาดหุ้นออสเตรเลีย ส่วนหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน บริษัทเหมืองรายใหญ่สุดของโลก ร่วง 1.1% หลังจากที่ราคาโลหะในตลาดลอนดอนตกลงจากระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน ขณะที่หุ้นโตชิบา พุ่ง 2.5% หลังจากที่แซนดิสค์ คอร์ป ได้คาดการณ์ยอดขายสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ฮิโรอิชิ นิชิ ผู้จัดการฝ่ายหลักทรัพย์ของนิกโก คอร์เดียล ซิเคียวริตีส์ กล่าวว่า หุ้นต่างๆคงจะอ่อนตัวลงเล็กน้อยหลังจากที่ตลาดหุ้นสหรัฐอ่อนตัวเพราะตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านที่เพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาดการณ์ ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวล และคาดว่าตลาดคงจะยังจับตาการรายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชนต่อไป