ธนาคารเกียรตินาคิน (KK) คาดว่าสินเชื่อในปี 52 จะขยายตัวสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะเติบโต 5% และคาดว่าปี 53 สินเชื่อจะขยายตัวมากกว่า 10% ขึ้นไป เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวน่าจะทำให้ความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้น
"คิดว่าปีหน้าสินเชื่อจะโต 10%ขึ้นไป โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อซึ่งมี 2 ใน 3 ของสินเชื่อทั้งหมด น่าจะเติบโต จากไตรมาส 4 นี้เราเชื่อว่าสินเชื่อเช่าซื้อช่วงหลังมีแนวโน้มดีขึ้น จากยอดขายรถล่าสุดดีขึ้น และยังมีงาน Motor Expo ใน ธ.ค. ก็หวังว่าจะมียอดสินเชื่อเช่าซื้อเพิ่มเข้ามามากพอสมควง"นายชวลิต จินดาวณิค ประธานสายการเงินและงบประมาณ KK กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา สินเชื่อเติบโต 5% ทำให้ยอดสินเชื่อเพิ่มเป็น 8.5 หมื่นล้านบาท จากสิ้นปี 51 ที่มียอดสินเชื่ออยู่ 8.08 หมื่นล้านบาท โดยสินเชื่อเช่าซื้อ ณ สิ้น ก.ย. 52 มีอัตราเติบโต 0.7% จากสิ้นปี 51 ขณะที่สินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ในงวด 9 เดือน เติบโต 12.3% และสินเชื่อทั่วไป โต 11.3%
นายชวลิต คาดว่าในไตรมาส 4/52 สินเชื่อทุกส่วนจะเติบโตขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว ทำให้คาดว่าสินเชื่อปีนี้เกินเป้าหมาย หรือเติบโตเกิน 5% และเน้นปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อตามต่างจังหวัด ส่วนสินเชื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่เป็นโครงการแนวราบ
ขณะเดียวกันหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ในสิ้นปี 52 คาดว่าจะลดลงมาที่ 6.1% จากสิ้นปี 51 ที่อยู่ 7.1% ตามเป้าหมายที่วางไว้จากนโยบายการเน้นเข้มงวดคุณภาพสินทรัพย์
"เป้าหมายปีนี้เราเน้นรักษาคุณภาพสินทรัพย์มากกว่าการเติบโต...จะเห็นว่า NPL ของสินเชื่อเช่าซื้อ ณ สิ้นดือน ก.ย.อยู่ที่ 2% จากสิ้นปี 51 อยู่ที่ 2.5% ซึ่งเราก็ทำได้ใกล้เคียงกับผู้นำตลาด"นายชวลิต กล่าว
ขณะที่ส่วนต่างดอกเบี้ยในสิ้นปีนี้คาดว่าจะได้สูงกว่า 5.3%(ณ สิ้น ก.ย.52) จากสิ้นปี 51 ที่อยู่ระดับ 4.2% เนื่องจากธนาคารมีต้นทุนการเงินต่ำจากการระดมเงินฝากได้มาก
นายชวลิต กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าได้ตามเป้าหมาย 100% จากสิ้นปี 51 ที่มีบัญชีเงินฝากราว 2.4 หมื่นบัญชี เพิ่มเป็น 4.4 หมื่นบัญชีในปัจจุบัน โดยได้จัดทำโปรโมชั่นเงินฝากดอกเบี้ยพิเศษ รวมทั้ง ในปีนี้มีแผนเปิดสาขาใหม่ 7 สาขา ซึ่งเปิดไปแล้ว 4 สาขา และจะเปิดอีก 3 สาขาในไตรมาส 4/52 ซึ่งสิ้นปี 52 จะมีสาขาทั้งหมด 44 สาขา
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทไม่มีแผนออกหุ้นกู้ เนื่องจากต้นทุนการระดมทุนด้วยหุ้นกู้สูงกว่าต้นทุนเงินฝาก โดยขณะนี้อัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้ของเอกชนในตลาดสูงกว่าพันธบัตรรัฐบาล 100-200 bps จากเดิมสูงกว่าประมาณ 50-60 bps เท่านั้น