ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (23 ต.ค.) จากนักแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุน หลังจากที่ผ่านมาดัชนีพุ่งสูงขานรับผลประกอบการที่สดใสของภาคเอกชน ขณะที่สหภาพรถไฟยักษ์ใหญ่ของประเทศยังมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจในอนาคตที่เกรงว่า การแข็งค่าของเงินดอลลาร์จะกดดันให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตกต่ำลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มวัตถุดิบและพลังงาน
ดัชนีดาวโจนส์เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 109.13 จุด หรือ 1.1% ปิดที่ 9,972.18 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลง 13.31 จุด หรือ 1.2% ปิดที่ 1,079.60 จุด และดัชนี Nasdaq ทรุดตัว 10.82 จุด หรือ 0.5% แตะที่ 2,154.47 จุด โดยปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.3 พันล้านหุ้นเท่ากับระดับของวันพฤหัสบดี
การซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเริ่มชะลอความร้อนแรงลงหลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยพุ่งขึ้นจากปัจจัยหนุนของการรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 จากบริษัทเอกชนที่แข็งแกร่งเกินคาด ขณะเดียวกันนักลงทุนไม่มีปฏิกิริยาต่อการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจในแง่บวกไม่ว่าจะเป็นรายงานยอดขายบ้านมือสองในเดือนก.ย.ที่พุ่งขึ้น 9.4% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี รวมถึงการเปิดเผยผลประกอบการของอเมซอนดอทคอมที่พุ่งสูงเกินคาด
ดร.บ็อบ โฟรเอลิช นักวิเคราะห์จากบริษัทฮาร์ทฟอร์ด ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซสเผยว่า "นักลงทุนต่างพากันเทขายหุ้นเพื่อทำกำไรส่งท้ายปลายสัปดาห์ หลังจากที่ดัชนีพุ่งสูงขึ้นในก่อนหน้านี้ "
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์บางสำนักยังไม่มั่นใจว่าการที่ตลาดหุ้นอ่อนตัวลงในวันนี้จะช่วยทำไห้ตลาดดีดตัวขึ้นได้อีกหรือไม่ในอนาคต และนักลงทุนยังมีความกังวลต่อแนวโน้มผลประกอบการที่เลวร้ายและผลกำไรที่ตกต่ำอย่างหนักจากบริษัทบรอดคอม คอร์ป นอกจากนี้ จิม ยัง ซีอีโอของสภาพการรถไฟคาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะยังชะลอตัวต่อไป จนกว่าตัวเลขอัตราว่างงานจะเริ่มลดลง
ด้านลินดา ดูเซล นักวิเคราะห์จากบริษัท Federated Investors มองว่าความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นที่ลดลงในวันนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่าวิตกกังวล เพราะที่ผ่านมาตลาดหุ้นขยายตัวขึ้นร้อนแรง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ตลาดจะต้องเข้าสู่ช่วงปรับฐาน
ทั้งนี้ หุ้นอเมซอนถีบตัว 26.8% หลังบริษัทเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ทะยานขึ้น 68% ส่วนหุ้นไมโครซอฟท์ขยายตัว 5.4%
ด้านหุ้นบรอดคอมตกลง 7.3% หลังบริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ลดลงครึ่งหนึ่งจากระดับในปีที่ผ่านมา