ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (23 ต.ค.) นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่พุ่งสูงขึ้น ขณะที่การรายงานตัวเลขผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของอังกฤษที่หดตัวลง 0.4% ในไตรมาส 3 นั้นบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางอังกฤษจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไป และรัฐบาลจะขยายเวลาในการซื้อพันธบัตรออกไปอีกเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากขึ้น
บลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 35.21 จุด หรือ 0.7% ปิดที่ระดับ 5,242.57 จุด
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่อย่าง Kazakhmys Plc และ Vedanta Resources Plc รวมถึงเอ็กซ์ตราต้าขยายตัวสูงกว่า 3% หลังราคาทองแดงในตลาดโลหะมีค่าลอนดอนปรับตัวสูงขึ้น ส่วนหุ้นลอยด์ส แบงกิ้ง กรุ๊ป ผู้ปล่อยกู้จำนองรายใหญ่ที่สุดของอังกฤษพุ่งขึ้นนำหุ้นกลุ่มแบงก์เคลื่อนไหวในแดนบวกทั่วทั้งกระดาน
นีล วีท นักวิเคราะห์จากบริษัทเอสวีเอ็ม แอซเซท เมเนจเมนท์ ในอีเดนเบิร์กกล่าวว่า "การรายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ที่หดตัวลง 0.4% นั้นเป็นเพียงการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่เลวร้ายเพียงรายการเดียว แต่ภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังขยายตัวได้ดีขึ้น และแม้ว่าข้อมูลดังกล่าวจะออกมาในเชิงลบ แต่นั่นก็ส่งผลดีต่อการกำหนดนโนบายการเงินแบบผ่อนปรนและการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง"
ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้น 49% จากระดับต่ำสุดเมื่อวันที่ 3 มี.ค. หลังจากที่เศรษฐกิจโลกมีสัญญาณบ่งชี้ว่าภาวะถดถอยเริ่มคลี่คลายลง ขณะที่รายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชนประจำไตรมาส 2 ในสหรัฐออกมาสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ หุ้น Kazakhmys ผู้ผลิตเหมืองทองแดงรายใหญ่สุดในคาซัคสถานไต่ระดับขึ้น 3.5% ขณะที่หุ้น Vedanta ผู้ผลิตเหมืองทองแดงรายใหญ่สุดในอินเดียเดินหน้า 3.2% ส่วนหุ้นเอ็กซ์ตราต้าเพิ่มขึ้น 3.7%
ด้านหุ้นลอยด์สขยายตัว 1.5% และหุ้นโรยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ปิดไต่ระดับขึ้น 3.5%