ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (26 ต.ค.) จากแรงขายที่ส่งเข้ากระหน่ำหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงหลังจากบริษัท ING ประกาศระดมทุน ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาการขาดสภาพคล่องในภาคการเงิน
บลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดร่วง 50.83 จุด แตะที่ 5,191.74 จุดหลังจาก เคลื่อนตัวในช่วง 5,166.44-5,281.12 จุด
ฟิลิป ยิลเล็ต นักวิเคราะห์จาก IG Index กล่าวว่า หุ้นกลุ่มการเงินถูกกระหน่ำขายอย่างหนักหลังจากมีข่าวว่า ING จะแตกกิจการออกเป็นสองแห่ง และจะออกหุ้นเพิ่มทุน 7.5 พันล้านยูโร โดยหุ้นลอยด์ส แบงกิง กรุ๊ป ดิ่งลง 7.2% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ร่วงลง 5.7% หุ้นธนาคาร HSBC ร่วงลง 1.8% และหุ้นธนาคารบาร์เคลย์สร่วงลง 2.5%
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงอย่างหนักหลังจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ร่วงลง ซึ่งเป็นผลมาจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงกดดันหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษรายงานในวันนี้ว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 หดตัวลง 0.4% สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัว 0.2% และทำสถิติหดตัวติดต่อกัน 6 ไตรมาสเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เริ่มมีการเก็บข้อมูลในปีพ.ศ.2498
จีดีพีไตรมาส 3 ที่หดตัวสวนทางกับการคาดการณ์กำลังสร้างแรงกดดันให้กับนายกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษที่อยู่ในระหว่างการรณค์หาเสียงเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปีหน้า ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าจีดีพีที่หดตัวอย่างต่อเนื่องของอังกฤษอาจทำให้ธนาคารกลางอังกฤษขยายระยะเวลาการซื้อพันธบัตรออกไปอีก รวมถึงการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% จนกว่าเศรษฐกิจจะเริ่มมีเสถียรภาพ