ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียร่วงลงถ้วนหน้าเช้านี้ หลังจากหุ้นบริษัทผู้ผลิตวัตถุดิบและสินค้าโภคภัณฑ์อ่อนตัว ภายหลังราคาน้ำมันร่วงลงมากสุดในรอบ 1 เดือน ประกอบกับดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (26 ต.ค.) เนื่องจากการพุ่งขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์ได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงอย่างหนัก ขณะที่หุ้นกลุ่มก่อสร้างบ้านและกลุ่มการเงินดิ่งลงหลังจากมีข่าวว่ารัฐบาลสหรัฐอาจชะลอโครงการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ซื้อบ้าน
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 10,283.46 จุด ลดลง 79.16 จุด ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 22,016.79 จุด ลบ 572.94 จุด ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนลบ 0.75% แตะ 3,086.09 จุด สำหรับดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นโซลเปิดวันนี้ที่ 1,646.76 จุด ลดลง 10.35 จุด ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,635.09 ลบ 33.31 จุด ส่วนดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,702.03 ลบ 14.59 จุด ดัชนี MSCI Asia Pacific Index อ่อนตัว 1% แตะ 118.70 จุด เมื่อเวลา 9.55 น.ตามเวลาท้องถิ่นในกรุงโตเกียว
หุ้นเจมส์ ฮาร์ดี ร่วง 4.9% ในตลาดหุ้นออสเตรเลีย ส่วนหุ้นมิตซูบิชิ คอร์ป ตกลง 3.6% ในตลาดหุ้นโตเกียว และหุ้นแอลจี อินโนเทค ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนมือถือ ดิ่ง 6.8% หลังจากที่เครดิต สวิส ได้ลดอันดับความน่าเชื่อถือ
สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ เพราะได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร ซึ่งทำให้นักลงทุนชะลอแรงซื้อในสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังร่วงลงหลังจากรัฐมนตรีกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ออกมาส่งสัญญาณว่าจะเพิ่มปริมาณการผลิตในการประชุมเดือนหน้า
บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.ดิ่งลง 1.82 ดอลลาร์ หรือ 2.26% ปิดที่ 78.68 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 77.97-81.58 ดอลลาร์