นายพงศเฉลิม เฉลิมทรัพยากร ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งใน บมจ.ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง(UEC) ซึ่งเป็นบุตรชายของนายไพบูลย์ กล่าวว่า กลุ่ม"เฉลิมทรัพยากร"ไม่ได้ทำการขายหุ้น UEC ออกมาอย่างที่ปรากฎเป็นข่าว โดยปัจจุบันคนในตระกูลเฉลิมทรัพยากรยังคงถือหุ้น UEC ในสัดส่วนเท่าเดิม ขณะที่แหล่งข่าว UEC ยังเชื่อว่า มีความเป็นไปได้ที่นายไพบูลย์จะขายหุ้นในมือออกมา
"ตอนนี้กลุ่ม"เฉลิมทรัพยากร"ยังคงถือหุ้น UEC เหมือนเดิม ไม่ได้มีการขายออกแต่อย่างใด ผมไม่ได้ขาย คุณภัทราไม่ขาย ในตระกูลเฉลิมทรัพยากรไม่ได้มีใครขายออกมา ส่วนคุณไพบูลย์ก็ไม่น่าจะขาย เพราะคิดว่าคงไม่รู้ด้วยซ้ำมั้งว่าราคาขึ้นแรง"นายพงศเฉลิม กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ส่วนการที่ราคาหุ้น UEC พุ่งแรงจนซิลลิ่งในวันนี้ เพราะมีข่าวลือกันว่าน่าจะเกิดจากการที่นายไพบูลย์ทำการขายหุ้นดังกล่าวออกมาเพื่อนำเงินไปใช้ลงทุนในโครงการโรงแรมหรูที่ จ.ภูเก็ต
"ผมได้ยินว่าหุ้นขึ้นจากคนรู้จักโทร.มาเหมือนกัน แต่ส่วนตัวไม่รู้เรื่องอะไรเลย เมื่อกี้คุยกับพี่ก็ยังงงกันอยู่เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ผมว่าข่าวลือก็คือข่าวลือเท่านั้น เพราะเราไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ เพิ่งรู้เมื่อกี้นี้ตอนเปิดจอหุ้น"นายพงศเฉลิม กล่าว
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวจาก UEC เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์" ว่า มองว่ามีความเป็นไปได้ที่นายไพบูลย์ เฉลิมทรัพยากร ประธานคณะกรรมการบริษัท จะขายหุ้น UEC ที่ถือหุ้นใหญ่ในนามของตระกูล"เฉลิมทรัพยากร"เช่นเดียวกับที่ขายหุ้นใน บมจ.ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS)ให้กับ บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์(TTA) แต่ครั้งนี้ไม่ทราบว่าจะขายให้กับใคร
"จะมีใครมาซื้อหุ้นคงต้องถามประธาน คุณไพบูลย์ คิดว่าคงอยากขาย"แหล่งข่าว กล่าวถึงราคาหุ้น UEC ที่ปรับขึ้นมาแรงชนซิลลิ่งในช่วงเช้าวันนี้
แหล่งข่าว กล่าวว่า ถึงแม้ว่าขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่านายไพบูลย์ขายหุ้น UEC หรือไม่ แต่ลักษณะเป็นอย่างนั้น ส่วนก่อนหน้านี้ที่เห็นขายไปบ้างแล้วก็เป็นส่วนน้อย
"คงไม่มีอะไรเป็นพิเศษในการขายหุ้น เพราะคุณไพบูลย์อายุมากแล้ว อาจจะขายหุ้นเก็บเงินสดไว้ คือถ้าขายแล้วมีกำไร แต่ถ้าขายตั้งแต่ปีที่แล้วยิ่งราคามหาศาลมากกว่านี้หรือ...ในส่วนของผมยังไม่ได้ซื้อไม่ได้ขาย และผมก็ไม่ซื้อไม่ขาย นอกจากโอเคเมื่อใครมาเทคฯราคาดี จำเป็นต้องปล่อย ก็อีกเรื่องหนึ่ง"แหล่งข่าว กล่าว
แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปี 52 แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจที่ทำให้งานโครงการขนาดใหญ่ต้องเลื่อนออกไปหลายโครงการ แต่ก็ยังถือว่าบริษัทสามารถเอาตัวรอดได้ โดยรายได้อาจจะลดลงจากปีก่อน ขณะที่ยังสามารถทำกำไรได้ ไม่ถึงกับขาดทุน และคาดว่าในปีหน้าผลประกอบการของบริษัทก็จะเข้มแข็งขึ้น โดยในไตรมาส 4/52 บริษัทยังมีโอกาสที่จะได้งานใหม่
นอกจากนั้น ยังเชื่อว่าบริษัทจะสามารถจ่ายเงินปันผลในงวดครึ่งหลังของปี 52 หลังจากจ่ายปันผลระหว่างกาลในงวดครึ่งปีแรกไปแล้ว 0.07 บาท/หุ้น เนื่องจากบริษัทยังมีกำไรสะสมค่อนข้างมาก และในไตรมาส 3/52 ก็ทำกำไรได้ แต่ก็ขึ้นกับการพิจารณาของคณะกรรมการและผู้ถือหุ้นด้วย
"ธุรกิจปีนี้ซบเซา เพราะการก่อสร้างพวกโปรเจกต์ใหญ่ๆก็ดีเลย์ไปหมด แต่โอเคเราก็อยู่ได้ ปีนี้เราก็มีกำไร ยังไงก็คงไม่ถึงกับขาดทุน แม้แต่ปีหน้าด้วย เพราะเราเข้มแข็ง...รายได้และกำไรคงไม่มากกว่าปีที่แล้ว เพราะตัวเลขยอดขายก็ drop ลงมาเยอะ กำไรก็ลดลง แต่ก็มีกำไรที่จะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น"แหล่งข่าว กล่าว
อนึ่ง ในปี 51 บริษัทมีรายได้ 1.8 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 273.45 ล้านบาท