นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย(SCC) กล่าวว่า ขณะนี้เครือปูนซิเมนต์ไทย(SCG) อยู่ระหว่างการหารือกับสถาบันการเงินเกี่ยวกับการใช้เงินกู้ในการลงทุนโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในเวียดนาม พร้อมทั้งทบทวนงบลงทุนที่จะต้องใช้ จากเดิมที่เคยคาดไว้ในระดับ 3-4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งต้นปี 53 น่าจะมีความคืบหน้าในโครงการดังกล่าว
"เราจะกลับมาดูเรื่อง Project financing ตอนนี้ก็รอว่าตลาดมันจะเปิดเมื่อไหร่ ขณะเดียวกันเราก็ทบทวนเรื่องของเม็ดเงินลงทุน ซึ่งผมก็คิดว่าต้นปีหน้าเราน่าจะมีความคืบหน้าให้เห็น"นายกานต์ กล่าวกับผู้สื่อข่าว
โครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในเวียดนามถือว่าเป็นโครงการขนาดใหญ่ในการขยายการลงทุนของบริษัท ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้ลงทุนในธุรกิจวัสดุก่อสร้างและธุรกิจกระดาษในเวียดนามไปแล้ว เป็นไปตามนโยบายของบริษัทที่ให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจในกลุ่มอาเซียน ปัจจุบัน บริษัทมีมูลค่าการลงทุนคิดเป็น 10% ของสินทรัพย์รวมของบริษัท
บริษัทตั้งเป้าจะเป็นบริษัทชั้นนำของอาเซียนและมีการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 5 ปีนับจากนี้เรามีแผนชัดเจนที่จะขยายการลงทุนในอาเซียน โดยจะเพิ่มจำนวนบุคลากรในอาเซียนจากปัจจุบันมีอยู่ 3 พันคน จากบุคลากรทั้งหมด 2.8 หมื่น และคาดว่าจะเพิ่ม 4-5 พันคนภายใน 5 ปีนี้
นายกานต์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศอาเซียนมีการค้าระหว่างกัน 25-26% แต่มีการลงทุนระหว่างกันน้อยมาก โดยช่วงที่ผ่านมามีแค่ 2% ขณะที่มองว่าไทยเมื่อเทียบกับอาเซียนด้วยกันอยู่ในลำดับที่ 3 ถือเป็นตลาดที่เติบโตมาก และเมื่อรวมกับตลาดอาเซียนที่จะกลายเป็นตลาดเดียวในอนาคต มีประชากรกว่า 560 ล้านคน ก็จะเป็นตลาดใหญ่มากและมีศักยภาพในการเติบโตสูง
"SCG เราก็ยังมีนโยบายลงทุนในอาเซียน ซึ่งเรามองว่าเราจะเป็นผู้นำในอาเซียนในปี ค.ศ.2015 ซึ่งจะสร้างความเจริญอย่างยั่งยืนกลับมาที่อาเซียนและไทย"นายกานต์ กล่าว
นายกานต์ กล่าวว่า ในปี 53 บริษัทคาดว่าการเข้าซื้อกิจการ(M&A)จะมีมากขึ้นกว่าในปีนี้ เพราะอุตสาหกรรมในแต่ละประเทศจะมีกำลังการผลิตเหลืออยู่ โดยบริษัทจะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง กระดาษ และปูนซิเมนต์