เจ้าหน้าที่ บมจ.การบินไทย(THAI) เปิดเผยว่า บริษัทได้มอบหมายให้ทนายความดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายหลังจากที่ทางการออสเตรเลียยื่นฟ้องบริษัทข้อหาละเมิดกฎหมายป้องกันการค้าที่ไม่เป็นธรรม พร้อมกับสายบินอื่นอีกราว 8 แห่ง หลังจากกล่าวหาว่าร่วมกันปรับขึ้นค่าธรรมเนียมพิเศษเพื่อชดเชยน้ำมันและค่าธรรมเนียมอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวบริษัทคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว หลังจากถูกทางการสหรัฐอื่นฟ้องในข้อหาเดียวกัน และสหภาพยุโรป(อียู)ก็อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาที่จะฟ้องร้องเช่นกัน
เจ้าหน้าที่ THAI กล่าวว่า แม้ว่าบริษัทจะถูกฟ้องร้อง แต่ก็จะไม่กระทบกับผลประกอบการในระยะต่อไป เพราะในงบปี 51 บริษัทได้ตั้งสำรองค่าความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากกรณีที่บริษัทฯ ถูกฟ้องคดีดังกล่าวไว้แล้วประมาณ 4,290 ล้านบาท ซึ่งประมาณการโดยทนายความในแต่ละภูมิภาคที่พิจารณาจากข้อเท็จจริงต่างๆ ที่ทนายความรับทราบและมีข้อมูลอยู่ ณ ขณะนี้
"คือ ฟ้องก็ฟ้อง เราเตรียมเงินไว้แล้ว แต่จะจ่ายมากจ่ายน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณการขนส่งของเรา อียูยังไม่ฟ้อง มีอเมริกาฟ้องแล้ว แต่ผลยังไม่ออกว่าเป็นยังไง แต่เรารู้อยู่แล้วว่าจะถูกฟ้อง เรามีทนายดูแลแต่ละที่อยู่แล้ว เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 1-2 ปีที่ผ่านมา...เราไม่กลัว รอให้เรื่องเข้าสู่กระบวนการของคดีและการตัดสินของศาล ปีที่แล้วเราตั้งสำรองไว้แล้วเพราะรู้อยู่แล้วว่าต้องจ่าย แอร์ไลน์อื่นก็โดนกัน บางคนยอมความยอมจ่ายค้าปรับ" เจ้าหน้าที่ประชา THAI กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
แหล่งข่าวคนเดิม กล่าวว่า การฟ้องร้องของทางการแต่ละภูมิภาค เนื่องมาจากมองว่าการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมน้ำมันเป็นการฮั้วของสายการบิน ซึ่งตามกฎหมายในสหรัฐและอียูถือว่าการฮั้วเป็นเรื่องร้ายแรง แต่สำหรับการบินไทยมองว่าเป็นลักษณะของการตกลงราคาในกลุ่มสายการบินด้วยกันในแต่ละภูมิภาค ดังนั้นต่อจากนี้การขายหรือการตั้งราคาตั๋วโดยสารของบริษัทก็ต้องศึกษาให้ดี โดยเฉพาะในสหรัฐ เนื่องจากกฎหมายเกี่ยวกับการฮั้วมีบทลงโทษรุนแรงมาก