นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเชียพลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP ในฐานะที่ปรึกษาการทำรายการเข้าซื้อกิจการให้กับ บมจ. มีเดีย ออฟ มีเดียส์ (MEDIAS) เปิดเผยว่า หลังการเข้าซื้อกิจการ"แกรนด์ คาแนล"จากกลุ่มเจริญกฤษ ด้วยการชำระบางส่วนเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนและที่เหลือเป็นเงินสดแล้ว คาดว่าในอนาคตบริษัทจะมีรายได้หลักมาจากอสังหาริมทรัพย์ จึงจะย้ายหมวดการทำธุรกิจบันเทิงไปยังหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งขณะนี้มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในแผนงาน มูลค่ารวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท
โดยคาดว่าการย้ายหมวดธุรกิจจะเกิดขึ้นหลังการแลกหุ้น และการทำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ.53 ส่วนธุรกิจสื่อบันเทิงจะยังทำอยู่แต่จะโอนย้ายไปอยู่ภายใต้บริษัท มีเดีย สตูดิโอ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ
ด้านนายเจตรศิริ บุญดีเจริญ ผู้บริหารกลุ่มเจริญกฤษ กล่าวว่า หลังการแลกหุ้นคาดว่ากลุ่มบุญดีเจริญ จะถือหุ้น MEDIAS 52.33% ขณะที่กลุ่มรัตนรักษ์ซึ่งถือหุ้นในบีบีทีวีฯ จะลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือ 39.28% จากปัจจุบันที่ถือ 73.73% ส่วนที่เหลือเป็นผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ คาดว่ากระบวนการเทนเดอร์ จะแล้วเสร็จเดือน ก.พ.53 ซึ่งการเข้าทำเทนเดอร์ฯ ต้องรอที่ปรึกษาการเงินอิสระคำนวณราคาที่เหมาะสม โดยมูลค่าทางบัญชีอยู่ที่ 4.60 บาท โดยจะเริ่มตั้งโต๊ะทำเทนเดอร์วันที่ 28 ธ.ค.52
ส่วนการที่บริษัทเลือกแบ็คดอร์ หุ้น MEDIAS เนื่องจากเห็นศักยภาพของบริษัทและรู้จักกับผู้บริหารของบริษัทนี้เป็นการส่วนตัว
"เราเชื่อมั่นทีมบริหารของคุณชาลอตที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องสื่อและธุรกิจบันเทิง แต่ส่วนตัวยอมรับว่าไม่มีความรู้เรื่องธุรกิจสื่อเลย ก่อนหน้านี้เวลาจะซื้อสื่อ หรือซื้อโฆษณา ก็ได้คุณชาลอตเป็นที่ปรึกษา"นายเจตรศิริ กล่าว
ด้านนายเจตรศิริ กล่าวต่อว่า สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยปกติจะมียอดรับรู้รายได้ต่อปีประมาณ 1 พันล้านบาท แต่ในอนาคตเชื่อว่าจะมียอดรับรู้รายได้มากขึ้น เนื่องจากบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา รวมมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท อาทิ โครงการคอนโดมีเนียม Bell บริเวณสี่แยก อสมท. จำนวนกว่า 2 พันยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 5 พันล้านบาท คาดว่าปี 53 จะเริ่มมียอดขายอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ ยังมีโครงการเดอะ ไนน์ บริเวณสี่แยก อสมท.เช่นเดียวกัน โดยโครงการนี้บริษัทมีแผนจะพัฒนาเป็นเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์และโรงแรม มูลค่ารวมประมาณ 4 พันล้านบาท เป็นต้น
"โดยปกติบริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจอสังหาฯอยู่ที่ประมาณ 35%"นายเจตรศิริ กล่าว
ขณะที่นางชาลอต โทณวณิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MEDIAS กล่าวว่า คาดว่าปี 53 รายได้ธุรกิจสื่อจะโต 15-20% จากปีนี้ที่มีรายได้ประมาณ 1 พันล้านบาท โดยยังคงเน้นผลิตรายการให้ฟรีทีวี จากปัจจบันที่มีอยู่ 6 รายการ เป็นรายการข่าว 3 รายการ และที่เหลือเป็นรายการอื่นๆ
ส่วนการที่อนาคตจะนำเอาบริษัท มีเดีย สตูดิโอ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ MEDIAS มาดูแลธุรกิจสื่อทั้งหมด แต่จะนำไปรวมกิจการกับกลุ่มบีบีทีวีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่
อย่างไรก็ตาม ในเดือน ม.ค.53 มีแผนเปิดเคเบิ้ลเพิ่มอีก 1 ช่อง เป็นรายการแคมปัส แชนแนล กลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย