ฟิทช์เพิ่มอันดับเครดิตสนับสนุนของ CIMBT เป็น 2, ให้อันดับเครดิตในปท.ระยะยาวที่ A+(tha)

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 30, 2009 10:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศให้อันดับเครดิตแก่ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) หรือ CIMBT โดยให้อันดับเครดิตในประเทศระยะยาวที่ ‘A+(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ อีกทั้งให้อันดับเครดิตในประเทศระยะสั้นที่ ‘F1(tha)’ และให้อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวที่ ‘BBB-’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

นอกจากนี้ ฟิทช์ยังให้อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นที่ ‘F3’ และอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินที่ ‘D’ แก่ CIMBT รวมทั้งให้ได้ปรับเพิ่มอันดับเครดิตสนับสนุน (Support Rating) ของ CIMBT เป็น ‘2’ จาก ‘3’ และยังได้ให้อันดับเครดิตในประเทศสำหรับตราสารหนี้ด้อยสิทธิระยะยาวที่นับเป็นกองทุนชั้นที่ 2 (Upper Tier 2) ของ CIMBT ซึ่งได้ออกไปแล้วในเดือนมีนาคม 2552 จำนวน 2.5 พันล้านบาทและมีอายุ 10 ปี ที่ระดับ ‘A-(tha)’

ฟิทช์ระบุว่า การปรับเพิ่มอันดับเครดิตสนับสนุนสะท้อนถึงระดับการสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นจากผู้ถือหุ้นหลักรายใหม่คือ CIMB Bank Berhad หรือ CIMB (ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวที่ BBB+ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) โดย CIMB ได้เพิ่มทุนและเข้าควบคุมด้านการบริหารของธนาคาร รวมทั้งให้ CIMBT ใช้ชื่อร่วมหลังจากที่เข้าซื้อหุ้นในเดือนมกราคม 2552 การให้การสนับสนุนด้านการดำเนินงานและการเงินดังกล่าว น่าจะช่วยส่งผลให้ผลประกอบการและระดับเงินกองทุนของ CIMBT มีการปรับตัวดีขึ้นในระยะกลาง

ทั้งนี้ จากการที่ CIMB เข้าถือหุ้นเกือบทั้งหมด รวมถึงการเข้าควบคุมด้านการบริหารและมีการใช้ชื่อร่วมกัน ทำให้ฟิทช์คาดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ CIMBT จะได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นหากมีความจำเป็น ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่มีผลทำให้ระดับการสนับสนุนลดลง อาจจะมีผลต่ออันดับเครดิตของธนาคาร แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพของธนาคารสะท้อนถึงแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพของ CIMB และการสนับสนุนจาก CIMB ที่คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง

CIMBT ประกาศผลประกอบการที่เริ่มแสดงผลกำไรในไตรมาส 3 ปี 2552 หลังจากที่ประสบผลขาดทุนจำนวนมากในสองปีที่ผ่านมา เนื่องจากการตัดขาดทุนของเงินลงทุนในตราสารประเภท CDO และจากค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญ แม้ว่าผลประกอบการในปี 2552 น่าจะยังคงอยู่ในระดับที่อ่อนแอ แต่ผลประกอบการของธนาคารคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในอีก 1 ถึง 2 ปี ข้างหน้าจากการขยายตัวของสินเชื่อและการเสร็จสิ้นของการรวมกิจการเข้ากับ CIMB

อย่างไรก็ตาม คุณภาพสินทรัพย์ของ CIMBT ยังคงอ่อนแอเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ไทยรายอื่น โดย CIMBT มีอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่ 16.5% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2552 (เทียบกับ 14.4% ณ สิ้นปี 2551) ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากสินเชื่อที่ลดลง ในขณะที่ตัวเลขรวมของสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ในระดับคงที่ที่ 13.4 พันล้านบาท อัตราส่วนการตั้งสำรอง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2552 อยู่ที่ 60% ของสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าอัตราเฉลี่ยของอุตสาหกรรม อย่างไรก็ดี คาดว่าอัตราส่วนการตั้งสำรองน่าจะมีการปรับตัวแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ