นายวิโรจน์ บุญศิริรุ่งเรือง กรรมการ บมจ. แม็ทชิ่ง สตูดิโอ (MATCH) เปิดเผยว่า ผู้ถือหุ้น 3 ราย คือ นายฐนิสสพงศ์ ศศินมานพ นายสมชาย ชีวสุทธานนท์ และนายสมบุญ ชีวสุทธานนท์ ได้ทำการเซ็นสัญญาขายหุ้น รวม 46,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 22.01% ที่ราคา 3.00 บาท และวอแรนต์อีก 16,300,000 หน่วย ที่ราคา 1.60 บาท ให้ บริษัท บีบีทีวี โปรดัคชั่นส์ จำกัด ซึ่งเป็น 1 ในผู้ถือหุ้นใหญ่รายเดิม
"ผู้ถือหุ้น 3 รายทำการขายหุ้นออกมารวมกัน 22.01% หรือจำนวน 46,000,000 หุ้น ในราคา 3 บาท เป็นของคุณฐนิสสพงศ์ และคุณสมชาย คนละเท่าๆ กันคือ 19,350,000 หุ้น ของคุณสมบุญ 7,300,000 หุ้น นอกจากนี้ยังมีในส่วนของวอแรนต์อีกจำนวน 16.3 ล้านหน่วยของคุณฐนิสสพงศ์คนเดียว"นายวิโรจน์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
หลังการทำรายการส่งผลให้ บีบีทีวี โปรดัคชั่นส์ ถือหุ้นใน MATCH เพิ่มเป็น 49.55% จากเดิม 27.54% แต่ไม่มีเจตนาทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์หุ้นที่เหลือทั้งหมด และยังคงให้ MATCH ดำเนินนโยบายธุรกิจตามเดิม
นายวิโรจน์ กล่าวว่า การที่ผู้ถือหุ้นเดิมขายหุ้นในมือให้ บีบีทีวี โปรดัคชั่นส์ จำกัด เกิดจากการมองตรงกันว่าต่างคนต่างมีศักยภาพที่จะส่งเสริมกันได้ ฝ่ายผู้ซื้อซึ่งเป็นบริษัทลูกของสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 น่าจะสนับสนุนให้เราทำงานคล่องตัวมากขึ้น เพราะเรามีไอเดียอีกเยอะ แต่ผู้ถือหุ้นใหญ่ยืนยันว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบริหารงานภายใน MATCH แต่อย่างใด
"ผู้ถือหุ้นไม่แสดงเจตนาจะทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมด และยืนยันว่าจะไม่เข้ามาปรับเปลี่ยนนโยบายการบริหารงานภายในบริษัทแต่อย่างใด"นายวิโรจน์ กล่าว
*ชวนคนไทยระเบิดความมันส์กับ 3 อีเว้นท์ยักษ์ คลายเครียดส่งท้ายปีวัวบ้า
นายวิโรจน์ กล่าวว่า ในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า คนไทยจะได้คลายเครียดกับจากปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองกับ 3 อีเว้นท์ใหญ่แน่นอน โดย 2 งานที่จะเกิดขึ้นในปลายปีนี้คือ งานสวนสนุก UK Fun Fair ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในช่วงเดือน ธ.ค.52 เรื่อยไปเป็นระยะเวลาประมาณ 2 เดือน อยู่ระหว่างพิจารณาทำเลระหว่างย่านพระราม 9 หรือเมืองทองธานี โดยบริษัทคาดหวังกำไรจากงานนี้ไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท เนื่องจากไม่ได้ลงทุนเอง แต่บริษัทจะมีรายได้จากค่าการเป็นผู้บริหารจัดการ
อีกงานที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือน ธ.ค.นี้เช่นกัน คือ งานพลุเฉลิมพระเกียรติที่ร่วมกับกระทรวงกลาโหม ซึ่งอยู่ระหว่างหาสปอนเซอร์หลัก โดยปีที่แล้วมี บมจ. ปตท. (PTT) เป็นสปอนเซอร์ ส่วนสถานที่นั้น คาดว่าจะจัดขึ้นที่เดียวกับที่เคยจัดในปีที่แล้วคือ บริเวณทะเลสาบแถวเมืองทองธานี ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่อาจจะได้เห็นงานพลุกับงานสวนสนุกอยู่บริเวณเดียวกัน
นอกจากนี้ จะมีงานคอนเสิร์ตต่างประเทศจากโซนยุโรป ซึ่งคาดว่าจะจัดขึ้นราวต้นปี 53 และคาดว่างานนี้มีกำไรแน่นอนเพราะเวลานี้สปอนเซอร์เต็มแล้ว
"ผมว่าเฉพาะคอนเสิร์ตต่างประเทศงานเดียวอาจจะทำกำไรเท่ากำไรปี 51 ทั้งปี แต่อาจจะต้องไปรับรู้ในปี 53"นายวิโรจน์ กล่าว
*ยอมรับปี 52 กำไรอาจสู้ปีก่อนไม่ได้ แต่เป้ารายได้จะใกล้เคียง
นายวิโรจน์ กล่าวยอมรับว่า แนวโน้มรายได้ปีนี้น่าจะยังทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 695.13 ล้านบาท แต่ในส่วนของกำไร ยอมรับว่าอาจจะสู้ปีก่อนไม่ได้ เพราะปี 51 บริษัทมีกำไร 30.20 ล้านบาท แต่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกบริษัทเพิ่งมีกำไรเพียง 0.81 ล้านบาทเท่านั้น เป็นผลมาจาก 2 ปัจจัยสำคัญ คือ ภาวะเศรษฐกิจ ต่างประเทศไม่เดินทางมาถ่ายทำภาพยนตร์ จากปีก่อนๆ ที่ชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะและความไม่แน่นอนทางการเมืองก็ยังมีอยู่
อย่างไรก็ตาม แม้กำไรจะสู้ปีที่แล้วไม่ได้ แต่การบริหารเงินสดยังเป็นบวกอยู่