บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) คาดจะสรุปการลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหิน และโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิง ในออสเตรเลียได้ ทยอยสรุปตั้งแต่ไตรมาส 1/53 ส่วนการลงทุนในปี 53 คาดใช้งบลงทุนประมาณ 5 พันล้านบาทซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่อง ยังไม่นับรวมการลงทุนใหม่
"บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งได้เสนอราคาที่บริษัทสนใจซื้อไปในบางแห่ง ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 53 โดยบริษัทจะเข้าไปถือหุ้นไม่น้อยกว่า 20% ขนาดกำลังการผลิตไม่น้อยกว่า 100 เมกะวัตต์" นายธวัช วิมลสาระวงค์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ พัฒนาธุรกิจ RATCH กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังสนใจการลงทุนในประเทศแถบอาเซียน ซึ่งน่าจะเป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำมากกว่าโรงไฟฟ้าถ่านหิน เนื่องจากโรงไฟฟ้าถ่านหินต้องใช้เวลาเจรจานานกว่า ส่วนในประเทศ บริษัทเน้นการลทุนโรงไฟฟ้าที่ใช้พลังงานทางเลือก ซึ่งให้ความสำคัญกับพลังงานลม หลังจากที่บริษัทได้ลงทุนไปแล้วที่ จ.เพชรบูรณ์ คาดว่าจะผลิตเชิงพาณิชย์ ในปี 54 มูลค่าลงทุน 500 ล้านบาท
และบริษัทได้วางงบลงทุนอีก 1 พันล้านบาท เพื่อลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานลม โดยขณะนี้ได้รอให้บริษัทอื่นที่ได้เสนอขายไฟฟ้าให้กับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งหากบริษัทได้โควต้าก็พิจารณาเข้าไปร่วมลงทุนด้วย
สำหรับปีหน้า บริษัทวางงบลงทุนไว้มากกว่า 5 พันล้านบาทในโครงการต่อเนื่อง ได้แก่ โรงไฟฟ้า น้ำงึม 2 , โรงไฟฟ้าหงสา , โรงไฟฟ้า น้ำงึม 3 เป็นต้น และยังไม่รวมเม็ดเงินลงทุนที่จะนำไปซื้อโครงการใหม่ ซึ่งบริษัทมีความพร้อมทางการเงิน โดยมีวงเงินพร้อมจ่ายจากสถาบันการเงินประมาณ 9 พันล้านบาท และ ยังเหลือวงเงินหุ้นกู้ที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น จำนวน 7.5 พันล้านบาท ซึ่งหากมีจังหวะที่เหมาะสม และต้องใช้เงินทุนในโครงการใหม่ บริษัทก็จะเสนอขายหุ้นกู้
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าระบบโคเจน ในนิคมอุตสาหกรรรมนวนคร นายธวัช กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษารูปแบบการก่อสร้าง คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 4-5 ปี และจะเดินเครื่องได้ในปี 55 -56 และบริษัทยังสนใจโครงการลงทุน SPP ในรูปแบบเดียวกับทีร่วมทุนกับ นวนครซึ่งขณะนี้ได้ศึกษาในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในแถบภาคกลางซึ่งคาดว่าจะมีโครงการเพิ่มเติม
*Q4/52 รายได้ร่วง ปิดซ่อมใหญ่
นายธวัช กล่าว ในไตรมาส 4/52 บริษัทยอมรับว่ารายได้และกำไรจะลดลงจากไตรมาส 3/52 เนื่องจากบริษัทมีแผนปิดซ่อมบำรุงขนาดใหญ่ รวมมากกว่า 74 วัน ตั้งแต่ 29 ต.ค.52-10 ม.ค.53 เพื่อปิดซ่อมบำรุงเครื่องพลังงานความร้อนหลักในราชบุรีโคเจน ทำให้ส่งผลกระทบต่อการผลิต เพราะเป็๋นเครื่องจักรหลัก และยังมีการปิดซ่อมบำรุงเครื่องพลังงานไอน้ำร่วม ซึ่งก็เป็นเครื่องจักรหลักเช่นเดียวกัน
สำหรับผลประกอบการปี 53 บริษัทเชื่อว่าจะไม่แตกต่างจากปีนี้มากนัก เนื่องจากกำลังการผลิต และ ค่าใฟพร้อมจ่ายได้มีการกำหนดสัดส่วนจาก กฟผ.เรียบร้อยแล้ว แต่ปีหน้าในช่วงเดือน ธ.ค. บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 ที่จะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ โดยจะเริ่มกักเก็บน้ำตั้งแต่เม.ย.53 และจะทดสอบในช่วงก.ย.-ต.ค. 53