ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 พ.ย.) ขานรับรายงานภาคการผลิตและข้อมูลด้านอสังหาริมทรัพย์ที่แข็งแกร่งของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายค่อนข้างผันผวน ซึ่งทำให้ดาวโจนส์ถอยร่นลงจากระดับสูงสุดของวัน หลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าภาคธนาคารของสหรัฐอาจขาดทุนด้านสินเชื่อมากขึ้น
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ดีดขึ้น 76.71จุด หรือ 0.79% ปิดที่ 9,789.44 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 6.69 จุด หรือ 0.65% ปิดที่ 1,042.88 จุด และดัชนี Nasdaq ขยับขึ้น 4.09 จุด หรือ 0.20% ปิดที่ 2,049.20 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.5 พันล้านหุ้น เมื่อเทียบกับวันศุกร์ที่ 1.7 พันล้านหุ้น
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) พุ่งขึ้น 6.1% แตะที่ 110.1 จุด ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 6.4% แตะ 103.8 ในเดือนส.ค. โดยตัวเลขในเดือนก.ย.ดีกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะทรงตัว
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.8% แตะที่ 9.403 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากร่วงลง 0.1 % ในเดือนส.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างจะลดลง 0.2%
นอกจากนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่าดัชนีภาคการผลิตเดือนต.ค.พุ่งขึ้นแตะ 55.7 จุด จากเดือนก.ย.ที่ 52.6 จุด มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าดัชนี ISM ภาคการผลิตเดือนต.ค.จะอยู่ที่ 53.0 จุด
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายค่อนข้างผันผวนและทำให้ดาวโจนส์ถอยร่นลงจากระดับสูงสุดของวัน หลังจากนายจอน กรีนลี ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายควบคุมกฎระเบียบและกำกับดูแลภาคธนาคารของเฟดกล่าวต่อคณะกรรมาธิการรัฐสภาว่า ภาคธนาคารของสหรัฐเสี่ยงต่อการมียอดขาดทุนด้านด้านสินเชื่อสูงมาก โดยเฉพาะสินเชื่อด้านอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์
นักลงทุนจับตาดูรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยเอพีระบุว่าวันอังคาร กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนก.ย. และคณะกรรมการเฟดจะเริ่มการประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ยวันแรก ส่วนวันพุธ ADP Employer Services จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศเดือนต.ค. ขณะที่ ISM จะเปิดเผยดัชนีภาคบริการเดือนต.ค. และคณะกรรมการเฟดจะประกาศมติการประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ย
วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และเฟดจะเปิดเผยข้อมูลประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วยขั้นต้นประจำไตรมาส 3 และวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค. และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนก.ย.
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐ จะร่วงลงอีก 175,000 ตำแหน่ง ซึ่งจะเป็นสถิติที่ร่วงลงรุนแรงสุดนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1930 และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนต.ค.จะพุ่งขึ้นแตะ 9.9% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี สะท้อนให้เห็นว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง แม้รัฐบาลได้ใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลายด้านในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม