นายชลัช ชินธรรมมิตร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายพัฒนาธุรกิจ บมจ.น้ำตาลขอนแก่น(KSL)กล่าวว่า ขณะนี้แม้ว่ากระทรวงพลังงานได้ผ่อนคลายการห้ามส่งออกเอทานอลแล้ว แต่จนถึงสิ้นปีผู้ประกอบการส่วนใหญ่ก็คงยังไม่ได้ส่งออกเอทานอลไปขายในต่างประเทศมากนัก โดยคาดว่าจะเริ่มกลับไปส่งออกกันอย่างจริงจังอีกครั้งในต้นปี 53
"ระยะสั้นภายในปีนี้ไม่มีมีใครส่งออกแล้ว แต่หลังจากธ.ค.52 ไป น่าจะเริ่มส่งออกได้ เพราะช่วง ธ.ค.ทั้งมัน ทั้งอ้อย และโมลาสก็ออกมาแล้ว เหมือนเป็นการการันตีว่าเพียงพอ เพราะกำลังการผลิตในปัจจุบันก็ล้นอยู่แล้ว น่าจะต้องส่งออกได้" นายชลัช กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ก่อนหน้านี้ ภาครัฐได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการให้ชะลอการส่งออกเอทานอลเพื่อป้องกันปัญหาการขาดแคลนในประเทศ โดยตั้งแต่เดือนส.ค.52 ที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานได้ทำหนังสือถึงกรมสรรพสามิต และสมาคมการค้าผู้ผลิตเอทานอลไทย เพื่อขอความร่วมมือให้ทุกโรงงานชะลอการส่งออกเอทานอลออกไปก่อน เพื่อป้องกันปัญหาเอทานอลในประเทศขาดตลาด จากเหตุผลของภาวะกำลังการผลิตตึงตัว
นายชลัช กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์ร่วมกันของทั้งภาครัฐและผู้ผลิต ต่างเห็นว่าปัญหาความต้องการเอทานอลในประเทศที่ตึงตัวได้เริ่มคลี่คลายลงแล้ว จึงอนุญาตให้ผู้ประกอบการสามารถส่งออกได้ตามปกติ ซึ่งระเบียบในการส่งออกเอทานอลนั้นผู้ประกอบการจะต้องทำหนังสือเพื่อขออนุมัติจากกรมสรรพสามิตเป็นครั้งๆ ไป
สำหรับภาพรวมแนวโน้มการส่งออกเอทานอลของผู้ประกอบการไทยในปี 53 คาดว่าจะอยู่ในระดับร้อยล้านลิตรขึ้นไป โดยมีปัจจัยจากราคาส่งออกเป็นตัวเอื้ออำนวย ซึ่งตัวเลขการส่งออกดังกล่าวประเมินจากปริมาณการผลิตส่วนที่เกินความต้องการในประเทศราว 5 แสนลิตร/วัน โดยในส่วนของ KSL คาดว่าปีหน้าจะส่งออกเอทานอลราว 5-10 ล้านลิตร จากปีนี้ที่แทบไม่ได้ส่งออกเลย
"ภาพรวมปีหน้าน่าจะส่งออกเอทานอลเยอะพอสมควร คงเป็นระดับร้อยล้านลิตร เริ่มส่งออกได้ตั้งแต่ไตรมาสแรก แต่ KSL อาจจะส่งออกได้ไม่มาก คงสัก 5 ล้านลิตร ก็ถือว่าส่งออกเยอะขึ้นมากจากปีนี้ที่เราแทบไม่ได้ส่งออกเลย แต่คงไม่น่าจะเกิน 10 ล้านลิตรในปีหน้า" นายชลัช กล่าว
ส่วนราคาเอทานอลในปี 53 คาดว่าราคาในต่างประเทศจะอยู่ที่ 700 กว่าดอลลาร์/พันลิตร ขณะที่ราคาในประเทศอยู่ที่ราว 20-25 บาท/ลิตร