ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (3 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากธนาคารยูบีเอสรายงานผลประกอบการที่ย่ำแย่ และข่าวที่ว่าทางการอังกฤษยื่นมือช่วยเหลือกิจการรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ และข่าวการระดมทุนของลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป
บลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 67.29 จุด หรือ 1.32% ปิดที่ 5,037.21 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,985.09-5,104.50 จุด
เดวิด โจนส์ นักวิเคราะห์ไอจี อินเด็กซ์ กล่าวว่า นักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มธนาคารอย่างหนัก หลังจากมีรายงานว่าลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ซึ่งเป็นธนาคารปล่อยกู้เพื่อการซื้อบ้านรายใหญ่สุดของอังกฤษ วางแผนระดมทุนมูลค่า 2.1 หมื่นล้านปอนด์ หรือ 3.4 พันล้านดอลลาร์
รัฐบาลอังกฤษวางแผนอัดฉีดเงินให้รอยัลแบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ (อาร์บีเอส) ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ของอังกฤษ อีก 2.55 หมื่นล้านปอนด์ หรือ 4.2 หมื่นล้านดอลลร์สหรัฐ ทำให้อาร์บีเอสกลายเป็นสถาบันการเงินที่ต้องขอรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลมากที่สุดในโลก แซงหน้าซิตี้กรุ๊ป
กระทรวงการคลังอังกฤษเปิดเผยว่า ธนาคารลอยด์สและอาร์บีเอสจำเป็นต้องขายธุรกิจบางส่วน โดยการขายกิจการครั้งนี้มีเป้าหมายที่จะลดความกังวลของสหภาพยุโรป (อียู) ในเรื่องการขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล
นอกจากนี้ ยูบีเอส เอจี ธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ รายงานตัวเลขขาดทุนเป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกันหลังมีหนี้สินเป็นจำนวนมาก โดยทางธนาคารขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นแตะ 564 ล้านฟรังค์สวิส (552 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในไตรมาส 3 เทียบกับตัวเลขกำไร 283 ล้านฟรังค์ในปีที่แล้ว และแย่กว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะขาดทุนเพียง 337 ล้านฟรังค์
ทั้งนี้ หุ้นอาร์บีเอสร่วงลง 7% หุ้นธนาคาร HSBC ร่วงลง 3.3% หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด รูดลง 1.8% ส่วนหุ้นบาร์เคลย์สปรับตัวลง 2%
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษอาจขยายโครงการซื้อตราสารหนี้ หลังจากที่เศรษฐกิจในประเทศเริ่มล้าหลังประเทศอื่นๆทั่วโลก และคาดว่า ธนาคารกลางอังกฤษจะตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% ในที่ประชุมวันพฤหัสบดีนี้