ทั้งนี้ บริษัทได้เรียกชำระทุนจดทะเบียนให้เต็ม 600 ล้านบาท เพื่อเตรียมความพร้อมในการขยายการลงทุนเปิดดครงการใหม่เต็มรูปแบบ พร้อมกำหนดกลยุทธ์หลักในการซื้อที่ดินบริเวณแนวรถไฟฟ้า
แกรนด์ ยูฯ คาดว่าในปี 53 ยอดรับรู้รายได้จะเติบโตขึ้นเป็น 1.05 พันล้านบาท จากปีนี้อยู่ที่ประมาณ 487 ล้านบาท และในปี 54 ยอดรับรู้รายได้จะเติบโตก้าวกระโดดขึ้นเป็น 3 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 2 แห่งในไตรมาส 4/52 และ อีก 3 โครงการใหม่ในปีหน้า
ล่าสุด บริษัทเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่เพิ่มอีก 2 แห่งในไตรมาส 4/52 คือ โครงการยู ดีไลท์@ห้วยขวาง สเตชั่น มูลค่า1.2 พันล้านบาท จำนวน 597 ยูนิต และ โครงการยู ดีไลท์ @ จตุจักร สเตชั่น มูลค่า 1.8 พันล้านบาท จำนวน 900 ยูนิต รวมมูลค่า 3 พันล้านบาท
"จริงอยู่ที่ทำเลห้วยขวางมีโครงการคอนโดฯมาก แต่เรามีเป้าหมายกลุ่มลูกค้าชัดเจน ราคาคอนโดฯที่ห้วยขวางเริ่มต้น 1.39 ล้านบาท ถึง 1.89 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1.55 ล้านบาท เราเน้นกลุ่มคนทำงานที่มีฐานเงินเดือน 30,000-60,000 บาท/เดือน" นายธนพล ศิริชัย ประธานอำนวยการ แกรนด์ ยู กล่าว
ส่วนยอดขายในปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มเป็น 3 พันล้านบาท จากโครงการ 2 แห่งดังกล่าว จากปีนี้ที่มียอดขาย 1.2 พันล้านบาท และในปี 54 คาดว่ายอดขายจะเพิ่มเป็น 4 พันล้านบาท จากการเปิดตัวโครงการใหม่ในปีหน้า 3 โครงการมูลค่ารวม 4 พันล้านบาท
ขณะที่ปี 53 บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินไว้ 500 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากเงินเพิ่มทุน โดยเน้นทำเลตามแนวรถไฟฟ้าปัจจุบน และห่างจากสถานีรถไฟฟ้า ประมาณ 1-2 กม.
นายธนพล คาดว่า ตลาดโครงการคอนโดมิเนียมยังมีความต้องการอยู่จริง ไม่ถึงขั้นเกิดภาพฟองสบู่ โดยส่วนที่ซื้อเพื่อลงทุนโดยรวมมีประมาณ 20%
และขณะนี้ บริษัทไม่มีนโยบายเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หลังจากที่ UV เข้าถือหุ้นใหญ่ 60% เพราะบริษัทแม่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ และอยู่ในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้ว ขณะที่ LPN ถือหุ้น 20% และ กลุ่มเยาววงศ์ โฮลดิ้ง ถือ 20%