นายอนวัช องค์วาสิฏฐ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) คาดว่ารายได้ของบริษัทในปี 52 จะทรงตัวจกาปีก่อน แม้ว่าไตรมาส 4/52 รายได้น่าจะโตได้ตามที่มีโบรกเกอร์ประเมิน เนื่องจากมีภาพยนตร์เข้าฉายเป็นจำนวนมาก แต่ผลกระทบจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจและการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 ในช่วงที่ผ่านมามีค่อนข้างมาก
อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อว่าในปีหน้าสถานการณ์ทุกอย่างจะกลับมาดีตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่จะทำให้ความเชื่อมั่นของคนกลับมา ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทที่จะมีรายได้ดีกว่าปีนี้ด้วย ซึ่งภายในเดือนนี้บริษัทจะมีการประชุมคณะกรรมการเกี่ยวกับการจัดทำแผนธุรกิจในปี 53
นายอนวัช กล่าวว่า เบื้องต้นในปี 53 บริษัทวางกลยุทธทางการตลาดมากขึ้น โดยคาดว่าจะใช้เม็ดเงินด้านการตลาดราว 100-150 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีนี้ โดยจะเน้นหนักในส่วนของการทำการตลาดธุรกิจโบว์ลิ่งที่ชะลอตัวลงไปในปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะใช้งบเพิ่มขึ้น 30% จากปีนี้ที่ใช้ไป 10-20 ล้านบาท
ทั้งนี้ กลยุทธหลัก ๆ คือ จะเน้น 3 กลุ่มลูกค้าหลัก ประกอบด้วย กลุ่มลูกค้าของพันธมิตรด้านการตลาด โดยจะมีความร่วมมือในการทำการตลาดร่วมกันมากขึ้น ซึ่งขณะนี้มีการเจรจาไว้มากกว่า 15 รายเพื่อให้มีฐานลูกค้ากว้างขึ้น, กลุ่มที่ชอบเอนเตอร์เทน และ กลุ่มนักศึกษา ที่ขณะนี้มีอยู่แล้ว แต่จะขยายให้เพิ่มมากขึ้น น่าจะทำให้จำนวนสมาชิกโบว์ลิ่ง(เมมเบอร์)เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่มีสมาชิก 5 หมื่นราย
นายอนวัช กล่าวว่า สำหรับธุรกิจภาพยนตร์มีแผนจะกระตุ้นในปีหน้าไม่ว่าจะเป็นการทำโปรโมชั่นและการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อทำการตลาดร่วมกันต่อเนื่องจากปีนี้ เช่น การขายตั๋ว 60 บาทร่วมกับเอไอเอส ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีค่อนข้างมาก
ปัจจุบัน MAJOR มีสัดส่วนรายได้จากโรงหนัง 60% และโบว์ลิ่ง 10% ที่เหลือเป็นรีเทลและโฆษณา