นายสมฤกษ์ ตั้งพิรุฬห์ธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยฮา(KASET)กล่าวว่า ในปี 53 บริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตทุกไลน์การผลิต โดยตั้งงบลงทุนเบื้องต้นประมาณ 30-40 ล้านบาท เพื่อรองรับยอดขายที่กระเตื้องขึ้น ซึ่งเริ่มเห็นได้ในไตรมาส 3/52 ขณะที่ราคาข้าวปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงต้นปี
บริษัทอยู่ระหว่างรวบรวมตัวเลขเพื่อกำหนดแผนขยายกำลังการผลิต คาดว่าจะเพิ่มทุกไลน์การผลิตในปี 53 โดยเฉพาะวุ้นเส้น เพราะขณะนี้ผลิตเต็มกำลังและยังต้องเพิ่มเครื่องจักรอยู่เพื่อบาลานซ์การผลิตที่ได้เพิ่มชึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว รวมทั้งสินค้าประเภทโจ๊กกึ่งสำเร็จรูปด้วย
แต่ที่มีแผนขยายการผลิตแน่นอนแล้ว คือ ในส่วนของข้าวจะมีการเพิ่มการผลิตต่อเนื่องจากปี 52 โดยจะมีการเพิ่มเครื่องจักรตามแผนงานที่กำหนดไว้
"ปีหน้าปริมาณขายข้าวก็จะบาลานซ์ให้เพิ่มขึ้น มีการสร้างไซโลเก็บข้าวเพิ่มขึ้น และเพิ่มเครื่องจักรเพิ่มเครื่องสีข้าวแต่ยังไม่สรุปว่าจะเป็นเท่าไร"นายสมฤกษ์ กล่าว
แผนขยายกำลังการผลิตจะเป็นการรองรับการเติบโตในปี 53 และปีต่อ ๆ ไป หลังจากเห็นแนวโน้มการฟื้นตัวในช่วงปลายไตรมาส 3/52 แต่รายได้ของบริษัทในปีนี้ก็คงจะทำได้แค่ตามเป้าหมายที่ได้ปรับลดลงมาเหลือ 2 พันล้านบาท หรือคิดเป็นปริมาณประมาณเกือบ 1 แสนตันข้าวสาร หรือ คิดเป็น 1.5 แสนตัวข้าวเปลือก โดยลดลงจากปี 51 ที่ทำรายได้ 2.14 พันล้านบาท เพราะครึ่งปีแรกค่อนข้างเงียบ ซึ่งเป็นไปตามที่บริษัทคาดการณ์ไว้
"ยอดขายในไตรมาส 3 เริ่มกระเตื้องขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายของภาครัฐที่ช่วยเหลือเกษตรกร และมีข่าวดีจากที่อินเดียเปิดประมูลข้าวเพื่อนำเข้าซึ่งไม่เคยมีมาก่อน และจากปัญหาสภาพอากาศและภัยธรรมชาติของจีนและฟิลิปปินส์ ที่น่าจะส่งผลให้ซัพพลายลดลงค่อนข้างชัดเจน"นายสมฤกษ์ กล่าว
ทั้งนี้ ซัพพลายในตลาดจะลดลงมากกว่าคาดการณ์ผลผลิตในปีนี้ และราคาข้าวในสหรัฐฯก็ปรับตัวสูงทำนิวไฮตลอดระยะสั้นและยังไปต่อได้อีก ซึ่งทุกคนรับทราบและเข้าใจสถานการณ์ก็จะมีการซื้อตุนไว้เพื่อป้องกันความเสี่ยง จากเดิมครึ่งปีแรกรวมถึงช่วงแรกๆ ของไตรมาส 3/52 ความเชื่อมั่นยังไม่ค่อยดีทั้งประเทศไทยและในโลก แต่ตอนนี้ความเชื่อมั่นก็เพิ่มขึ้นมากขึ้นแล้ว
นายสมฤกษ์ กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าวน่าจะส่งผลให้ราคาข้าวปรับขึ้นได้มากกว่าปีที่แล้ว แต่ก็คงจะเป็นบางชนิดอย่างข้าวหอมมะลิก็ยังเป็นที่ต้องการของทั้งตลาดโลกและตลาดในประเทศ คาดว่าราคาข้าวหอมมะลิช่วงปลายปีนี้จะสูงถึง 1,100 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากปัจจุบันราคาข้าวหอมมะลิในตลาดโลกเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1,060-1,070 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากตอนต้นปี 800 เหรียญสหรัฐ/ตัน และค่อยๆ ขยับมาเป็น 900 เหรียญสหรัฐ/ตัน
ในส่วนของยอดขายในต่างประเทศปีนี้เราขยายไปยัง 77 ประเทศแล้ว เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 75 ประเทศ โดยประเทศสุดท้ายที่เข้าไปขายสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่าย คือ แคมารูน ส่วนปีหน้า(53)คาดว่าจะขยายไปยังประเทศที่เป็นตลาดใหม่เพิ่มเติมอีก ส่วนอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ตลาดยังถูกควบคุมโดยรัฐบาล แต่คาดว่าอาจจะมีการผ่อนคลายลงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการขาดแคลนและความตื่นตระหนก
สำหรับราคาหุ้น KASET ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในขณะนี้ คงมาจากการประเมินว่านโยบายภาครัฐที่จะเข้ามาช่วยเหลือเกษตรจะทำให้ราคาพืชผลเกษตรปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะข้าว ทำให้นักลงทุนหันมาให้ความสนใจหุ้นของบริษัท
ส่วนการจ่ายเงินปันผลปีนี้ คาดว่าคงจะไม่มากกว่าปีที่แล้ว เพราะต้องยอมรับว่าปีนี้กำไรจะน้อยกว่าปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 80.15 ล้านบาท
"เราตั้งใจจ่ายอยู่แล้วและบอร์ดก็อยากจะให้ ทุกคนถ้ามีกำไรดีก็ยืนยันที่จะจ่ายปันผล แต่กำไรปีนี้ไม่ดีสักเท่าไร ผมว่าปีนี้ถ้าผ่านพ้นวิกฤติอย่างนี้ไปได้ ถือว่าดีมากๆ เลย เพราะ swing แรงต้องดูแลกันถึงลูกถึงคน"นายสมฤกษ์ กล่าว