ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 พ.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าเศรษฐกิจขยายตัวขึ้นและจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปิดบวกไม่มากนักเนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่วิตกกังวลต่อภาวะตึงตัวในตลาดจ้างงานสหรัฐ หลังจากมีการคาดการณ์ว่าตัวเลขจ้างงานในเดือนต.ค.จะร่วงลงอีก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 30.23 จุด หรือ 0.31% ปิดที่ 9,802.14 ขณะที่ดัชนี S&P 500 บวก 1.09 จุด หรือ 0.10% ปิดที่ 1,046.50 จุด แต่ดัชนี Nasdaq ขยับลง 1.80 จุด หรือ 0.09% ปิดที่ 2,055.52 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.35 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 8 ต่อ 7 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.25 พันล้านหุ้น
บรู๊ซ แมคเคน หัวหน้านักวิเคราะห์จากคีย์ไพรเวท แบงค์ ในเมืองคลีฟแลนด์ กล่าวกับเอพีว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นแข็งแกร่งในช่วงเช้า หลังจากเฟดประกาศคงอัตราดอกเบี้ยและประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวขึ้น พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกระยะหนึ่ง แต่แรงบวกในตลาดลดน้อยลงเนื่องจากนักลงทุนเริ่มวิตกกังวลต่อตัวเลขจ้างงานเดือนต.ค.ที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้
คณะกรรมการกำหนดนโยบายของ (เอฟโอเอ็มซี) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0-0.25% โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้น โดยเฟดระบุว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ตลาดการเงินค่อนข้างทรงตัว แต่ภาคอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวได้ดี ส่วนการใช้จ่ายภาคครัวเรือนปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่อัตราว่างงานภายในประเทศยังคงพุ่งสูงขึ้น รวมทั้งการขยายตัวด้านรายได้ค่อนข้างต่ำ
ในแถลงการณ์ครั้งล่าสุด เฟดแสดงความเชื่อมั่นว่าอัตราเงินเฟ้อในประเทศยังคงอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้ พร้อมกับประกาศว่าจะลดวงเงินในการเข้าซื้อหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกันของหน่วยงานที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ให้เหลือเพียง 1.75 แสนล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ 2 แสนล้านดอลลาร์
หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงอย่างหนัก หลังจากสภาคองเกรสสหรัฐมีมติให้ใช้นโยบายควบคุมบริษัทบัตรเครดิต รวมถึงการควบคุมการเรียกเก็บดอกเบี้ยของบริษัทที่ออกบัตรเครดิต ซึ่งการร่วงลงของหุ้นกลุ่มการเงินส่งผลให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนตัวลงด้วย โดยหุ้นเจพีมอร์แกนร่วงลง 1.2% หุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ปิดร่วง 3.1% และหุ้นซิตี้กรุ๊ปปิดลบ 1.7%
ส่วนหุ้นวอลท์ ดิสนีย์ ปิดพุ่ง 1.5% หลังจากบริษัทได้รับอนุมัติจากรัฐบาลจีนให้สร้างสวนสนุกดิสนีย์ในเมืองเซี่ยงไฮ้
นักลงทุนจับตาดูรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และเฟดจะเปิดเผยข้อมูลประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนแรงงานต่อหน่วยขั้นต้นประจำไตรมาส 3 ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค. และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนก.ย.
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐ จะร่วงลงอีก 175,000 ตำแหน่ง ซึ่งจะเป็นสถิติที่ร่วงลงรุนแรงสุดนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1930 และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนต.ค.จะพุ่งขึ้นแตะ 9.9% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี