นายวัชรพัช วัชราภัย ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายวางแผน กลยุทธ์ บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ (NWR) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชาในขณะนี้มองว่าถ้าเพียงแค่ในระยะสั้นก็ไม่น่าจะมีผลเสียหายอะไรมากนัก เพราะเห็นรัฐบาลก็บอกว่าจะไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ
สำหรับบริษัทช่วงนี้ไม่มีการทำงานในประเทศกัมพูชา ส่วนงานก่อสร้างสะพาน ซึ่งเป็นการ Sub Contract ได้ทำเสร็จไปแล้วก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ในกัมพูชายังยืดเยื้อต่อไปและมีระดับความรุนแรงมากขึ้น บริษัทก็อาจจะต้องชะลอการลงทุนในกัมพูชาไปก่อน โดยอาจจะหันไปประมูลงานในประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ เช่น ลาว เวียดนามแทน หรือไม่ก็เน้นการทำงานในประเทศ ทั้งงานภาครัฐและเอกชน
ปัจจุบันรายได้จากงานต่างประเทศ คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 10% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท
ส่วนการเข้าลงทุนในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) คาดว่าจะเริ่มมีงานเข้ามา และเริ่มรับรู้รายได้ในปี 53
อย่างไรก็ตาม การที่สถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ทำให้ประเมินผลการดำเนินงานในปี 53 ค่อนข้างยาก ส่วนผลการดำเนินงานปีนี้น่าจะต่ำกว่าเป้า เพราะครึ่งปีแรกตั้งเป้ารายได้ไว้ 2 พันล้านบาท แต่ทำได้ 1,688 ล้านบาท ครึ่งปีหลังตั้งเป้าไว้ 2 พันล้านบาทเหมือนกัน แต่คาดว่าคงไม่ดีกว่าครึ่งปีแรก
"ส่วนที่เคยบอกว่าบริษัทจะไม่กลับไปขาดทุนอีกแล้ว หมายถึงในสถานการณ์ทุกอย่างเป็นปกติ แต่ตอนนี้ทุกอย่างผิดปกติไปหมด เลยไม่กล้าประเมินสถานการณ์ของบริษัทในปีหน้า"นายวัชรพัช กล่าว
ส่วนงานในมือ (Backlog) ในช่วงไตรมาส 2/52 ประมาณ 12,000 ล้านบาท คาดว่าครึ่งปีหลังจะได้งานเพิ่มมาอีกประมาณ 2 พันล้านบาท
ส่วนงานขุดและขนดินในเหมืองแม่เมาะ ของ กฟผ. มูลค่า 9 พันล้านบาทนั้น ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ปีแรก คือ ปี52 นี้ประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกรับรู้ไปแล้ว 177 ล้านบาท ที่เหลือจะรับรู้ในครึ่งปีหลัง และทยอยรับรู้ในปีต่อๆไป ปีละ 1 พันล้านบาท