ผู้จัดการบริษัทกองทุนชื่อดังในอินเดียเผยว่า ตลาดหุ้นอินเดียส่อเค้าร่วงลงหนักสุดถึง 10% ภายใน 6 เดือน หลังบริษัทหลายแห่งเปิดเผยผลประกอบการต่ำกว่าที่ได้มีการคาดการณ์ไว้
"ที่ผ่านมาตลาดหุ้นได้วิ่งขึ้นสู่ช่วงขาขึ้น โดยดัชนีได้ซึมซับปัจจัยพื้นฐานไว้หมดแล้ว ดังนั้นในอนาคตความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นอาจสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนก็เป็นได้" นอกจากนี้ เขายังแนะนำว่า "หากสถานการณ์บางอย่างดูดีเกินไป เราจำเป็นต้องฟังหูไว้หู และมูลค่าหุ้นส่วนใหญ่ในตลาดล้วนเป็นตัวชี้วัดผลประกอบการในปี 2554"
บลูมเบิร์กรายงานว่า มูลค่าในตลาดหุ้นอินเดียดีดตัวขึ้นสูงสุดเป็นอันดับ 2 รองจากตลาดหุ้นจีน โดยดัชนีพุ่งขึ้น 2 เท่าจากระดับต่ำเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ รวมถึงแผนกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐบาล ทั้งนี้ ผลกำไรไตรมาสสองของบริษัทยักษ์ใหญ่บางแห่งในอินเดียได้สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน โดยเฉพาะผลประกอบการของ Reliance Industries Ltd. บริษัทรายใหญ่ที่สุดของอินเดียในแง่มูลค่าทางการตลาดที่เปิดเผยกำไรร่วงหนักกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่ DLF Ltd. บริษัทก่อสร้างรายใหญ่สุดของอินเดียรายงานกำไรสุทธิที่ร่วงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 พร้อมกล่าวว่า เศรษฐกิจในประเทศต้องขยายตัวให้ได้ในระดับ 7-9% จึงจะทำให้อุปสงค์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์กระเตื้องขึ้นได้ ขณะที่แบงก์ชาติคาดว่า ตัวเลขผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) อาจขยายตัวได้เพียง 6% ในรอบปีที่สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มี.ค.
ขณะเดียวกัน บีเอ็นพี พาริบาส์คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นอินเดียอาจพุ่งแรงถึง 32% ภายในช่วงสิ้นปีหน้า เนื่องจากผลผลิตของบริษัทหลายแห่งกลับมาฟื้นตัวและสายการผลิตในโรงงานเริ่มมีประสิทธิภาพดีขึ้นซึ่งจะช่วยกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจและหนุนรายได้ในบริษัทต่างๆ
นอกจากนี้ โนมูระ โฮลดิ้ง อิงค์กล่าวว่า ตลาดหุ้นอินเดียในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในระดับที่ดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามาซื้อขายกันมากขึ้น