โบรกฯเชียร์ซื้อ LPN งบดี ตุน Backlog-ยอดขาย เสริมฐานรายได้ในอนาคต

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 6, 2009 14:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์หนุน "ซื้อ"หุ้นบมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) คาดว่ายอดพรีเซลใน Q4/52 จะเติบโตดี เนื่องจากมีแผนเปิดโครงการคอนโดฯ ลุมพินีพาร์ค ปิ่นเกล้า และลุมพินีวิลล์ โชคชัย ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพ นอกจากนี้ยังประเมินว่ากำไรปีนี้น่าจะสูงสุด ส่วนปี 53 คาดว่ากำไรจะโต 3% ขณะที่ตั้งเป้าการรับรู้รายได้โต 20% เหตุมี Backlog ตุนไว้รอรับรู้ประมาณ 60% มองฐานะการเงินเป็นจุดเด่น มีหนี้สินน้อยทำให้มีโอกาสในการขยายงานได้อีกมาก

          โบรกเกอร์                    คำแนะนำ          ราคาเป้าหมาย

          บล.กิมเอ็ง                      ซื้อ                 8.75
          บล.เคจีไอ                      ซื้อ                 8.30
          บล.เกียรตินาคิน                ทยอยซื้อ               8.10
          บล.ทรีนีตี้                       ซื้อ                 8.00
          บล.ยูไนเต็ด                     ซื้อ                 7.90
          บล.เอเซีย พลัส                  ซื้อ                 7.74
          บล.กรุงศรีอยุธยา                 ซื้อ                 7.70
          บล.ธนชาต                      ซื้อ                 7.50
          บล.ซิกโก้                       ถือ                 7.40
          สถาบันวิจัยนครหลวงไทย            ซื้อ                 7.40

นายสุรศักดิ์ อนุตรโสตถิ์ นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า LPN มีจุดเด่นในเรื่องของงบดุล หรือ Balance Sheet ที่แข็งแกร่ง เรื่องของ Debt น้อยกว่าเงินสด โดยปัจจุบันมี Debt อยู่ 1.2 พันล้านบาท แต่เงินสดมากกว่า มีฐานะเป็น Net Cash ทำให้บริษัทยังสามารถขยายงานได้อีกมาก Total Debt Equity 0.5 เท่า

Presales ไตรมาส 4 คาดว่าจะค่อนข้างเยอะ แนวโน้มโครงการลุมพินีพาร์ค ปิ่นเกล้า มูลค่า 3.60 พันล้านบาท และลุมพินีวิลล์ โชคชัย 4 มูลค่า 1.36 พันล้านบาท น่าจะขายดี อีกทั้ง Backlog ก็เยอะ หลังหักยอดโอนไตรมาส 3 Backlog เท่ากับ 7.47 พันล้านบาท โดยคาดว่าจะรับรู้เป็นรายได้จำนวน 1.84 พันล้านบาทในไตรมาส 4 ส่วนที่เหลือจะยกไปรับรู้ในปีหน้าจำนวน 5.63 พันล้านบาท

ราคาหุ้นและ Dividend Yield 7% แต่ราคาเป้าหมายที่ให้ไว้คิดจาก Dividened Yield 5% ถือว่าสมเหตุสมผล

"จากชื่อเสียง จากฐานลูกค้า ความเชี่ยวชาญ น่าจะ Earning Growth ไปได้"นายสุรศักดิ์ กล่าว

นายสุรศักดิ์ กล่าว ปีนี้ถือว่ากำไรสูงสุด หากเทียบย้อนหลังไป 10 ปี อย่าง 5 ปีหลังกำไรก็โตมาตลอด เฉลี่ยปีละ 20-30% ปี 52 ก็โต 20% มาที่ 1.445 พันล้านบาท ส่วนปี 53 คาดว่ากำไรจะโต 3% เป็น 1.49 พันล้านบาท

นายเถลิงศักดิ์ ตันติพินธวัตร นักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า เราให้ราคาเป้าหมายหุ้น LPN ไว้ 8 บาท จากประเด็นเรื่องผลประกอบการในอนาคตดีขึ้น เพราะรายได้ของบริษัท ยังมี Backlog ตุนเอาไว้ในปีหน้าประมาณ 60% จากไตรมาส 3 ปี 52 ที่ Backlog มี 7.46 พันล้านบาท รอโอนในปี 53 ประมาณ 5 พันกว่าล้านบาท ยอด Reject สินเชื่อก็อยู่ในระดับต่ำ

ในไตรมาส 4 นี้ มีแผนเปิด 2 โครงการ คิดว่าน่าจะประสบความสำเร็จ เพราะเท่าที่ทราบมีลูกค้าเก่าที่ตามมาซื้อโครงการของ LPN ซื้อเพื่อไปปล่อยเช่า

ปี 53 บริษัทตั้งเป้าการรับรู้รายได้โต 20% มาที่ 9.6 พันล้านบาท จาก 8 พันล้านบาทในปี 52 Dividend Yield 7% ต่อปีก็ถือว่าดี ในแง่อัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นสูงกว่าชาวบ้าน เพราะหุ้นในตลาดน้อย จริงๆ พื้นฐานดี หนี้ต่ำ

ขณะที่ นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซิกโก้ จำกัด (มหาชน) แนะนำให้ ถือ LPN ที่ราคาเป้าหมาย 7.40 บาท เพราะแม้ว่าแนวโน้มรายได้และยอด Presale ของ LPN ยังทำคงได้ดีต่อเนื่อง แต่ราคาหุ้นได้ขึ้นมาตอบรับแล้ว โดยราคาปัจจุบัน ต่ำกว่าราคาเป้าหมายที่เราให้ไว้แค่ 9% เท่านั้น

ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรีอยุธยา มองว่า LPN จะมีการโครงการคอนโดมิเนียมใหม่มากขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 52 เป็นต้นไป เริ่มต้นจากโครงการลุมพินี พาร์ค ปิ่นเกล้า (มูลค่าโครงการ 3.6 พันล้านบาท) และ โครงการลุมพินีวิลล์ ลาดพร้าว-โชคชัย 4 (มูลค่า 1.4 พันล้านบาท) ซึ่งทั้งสองโครงการเปิดขายอย่างเป็นทางการวันที่ 21 พ.ย.52

ปี 53 เปิดประมาณ 8-10 แห่ง เบื้องต้นผู้บริหารให้ข้อมูลไว้ 2 แห่ง ได้แก่ เฟส 2 ของลุมพินี เพลส พระราม 9 (มูลค่า 2.6 พันล้านบาท) และ ลุมพินี คอนโดทาวน์ บางแค (มูลค่า 600 ล้านบาท) ทั้งหมดนี้เพื่อเสริมฐาน Backlog สำหรับการรับรู้รายได้ในปี 54-55

"LPN มีความโดดเด่นเฉพาะตัวในด้านเป็นผู้ประกอบการแนวสูงและมีนโยบายเชิงรุกในการเปิดโครงการใหม่เพื่อหนุนผลประกอบการปี 54 ประกอบกับอัตราตอบแทนเงินปันผลที่อยู่ในระดับจูงใจประมาณ 7% ต่อปี คงคำแนะนำ ซื้อ โดยประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 53 เท่ากับ 7.70 บาท (อิง Prospective P/E ที่ 8 เท่า)"นักวิเคราะห์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ