ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 พ.ย.) จากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นสายการบินบริติช แอร์เวย์ส และหุ้นรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ อย่างไรก็ตาม ดัชนีดีดตัวขึ้นไม่มากนักเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่ออัตราว่างงานในสหรัฐที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 10%
บลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 บวก 17.08 จุด หรือ 0.3% ปิดที่ 5,142.72 จุด
เดวิด โจนส์ นักวิเคราะห์จากบริษัท IG Index กล่าวว่า แม้ตลาดปิดบวก แต่ดัชนี FTSE 100 ถอยร่นลงจากระดับสูงสุดในระหว่างวัน หลังจากหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า อัตราว่างงานเดือนต.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 10.2% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีครึ่ง ส่วนตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) ประจำเดือนต.ค.ร่วงลง 190,000 ตำแหน่ง ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์บลูมเบิร์กคาดว่าจะลดลง 175,000 ตำแหน่ง แต่ยังน้อยกว่าตัวเลขจ้างงานเดือนก.ย.ที่ร่วงลง 219,000 ตำแหน่ง
นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นบริติช แอร์เวย์ส ซึ่งหนนราคาหุ้นดีดขึ้น 6.7% หลังจากทางสายการบินคาดการณ์ว่าจำนวนผู้โดยสารและราคาตั๋วโดยสารจะเพิ่มขึ้นในปีหน้า ขณะที่หุ้นรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ (RBS) พุ่งขึ้น 5.3% หลังจากธนาคารเปิดเผยยอดขาดทุนไตรมาสสามที่ 1.8 พันล้านปอนด์ ซึ่งน้อยกว่าไตรมาสสองที่ 3.3 พันล้านปอนด์ RBS กำลังระดมทุนรวม 4.55 หมื่นล้านปอนด์จากผู้เสียภาษีในอังกฤษ ซึ่งจะทำให้ธนาคารเป็นสถาบันที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลมากที่สุด โดยในสัปดาห์นี้ธนาคารได้ประกาศแผนการขายธุรกิจประกันที่มีสาขากระจายอยู่กว่า 300 แห่งทั่วประเทศ ขณะที่แผนกวาณิชธนกิจและแผนกชำระบัตรเครดิตรอพิจารณาความเห็นชอบจากอียูต่อกรณีการขอรับความช่วยเหลือจากผู้ชำระภาษี
นอกจากนี้ ธนาคารมีแผนโอนสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมูลค่า 2.82 แสนล้านปอนด์ให้กับรัฐบาล หลังจากที่ธนาคารเป็นภาคธุรกิจในอังกฤษที่รายงานตัวเลขขาดทุนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปีที่ผ่านมา
ตลาดหุ้นลอนดอนยังคงขานรับธนาคารกลางอังกฤษที่มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุด 0.5% เป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกันในการประชุมครั้งล่าสุด และตัดสินใจขยายโครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing: QE) อีก 2.5 หมื่นล้านปอนด์ รวมเป็น 2 แสนล้านปอนด์ โดยมีเป้าหมายที่จะเสริมสภาพคล่องในระบบธนาคาร และพยุงเศรษฐกิจให้รอดพ้นจากภาวะถดถอย