"ทวีฉัตร จุฬางกูร"เผยหวนกลับเข้าตลาดหุ้นไทยแล้ว หลังถอยทัพไปลงทุนตปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 9, 2009 12:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายทวีฉัตร จุฬางกูร ที่ปรึกษา บล.ไอร่า และนักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)เปิดเผยว่า ขณะนี้เริ่มกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยบ้างแล้ว โดยเข้าซื้อหุ้นบางกลุ่มแบงก์และพลังงาน หลังจากที่ได้ชะลอการลงทุนไปตั้งแต่ดัชนีฯ หลุดระดับ 720 จุด เนื่องจากกังวลว่าการลงทุนในตลาดหุ้นไทยอาจจะให้ผลตอบแทนไม่คุ้มค่า ประกอบกับรอดูสถานการณ์ก่อนตัดสินใจเข้าไปซื้อหุ้นอีกครั้ง

"ผมก็ไม่ได้ขายไม่ได้ซื้อตั้งแต่ดัชนีฯ หลุด 720 จุด เพราะมองว่าตลาดฯ ช่วงนั้นไม่เหมาะลงทุน อาจจะได้ไม่คุ้มเสีย ปัจจัยทางการเมืองก็กลับมาอีกครั้ง แต่ตอนนี้ก้กลับมาซื้อบ้างแล้ว ซึ่งหุ้นที่ซื้อส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่ขายไปก็กลับมาซื้อ เป็นหุ้นกลุ่มแบงก์ พลังงาน " นายทวีฉัตร กล่าว

ในขณะที่ชะลอลงทุนในตลาดหุ้นไทยก็ได้หันไปสนใจการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ซึ่งประกอบด้วย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และอเมริกา เนื่องจากให้ผลตอบแทนที่ดี โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังไม่มีปัจจัยลบที่น่ากังวลเหมือนการลงทุนในประเทศ ฉะนั้น ในอนาคตจึงมีแนวโน้มจะให้ความสนใจการลงทุนหุ้นในต่างประเทศมากขึ้น

"ผมสนใจจะลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศมากขึ้น เพราะว่าให้ผลตอบแทนที่ดี โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่น อาจจะให้เวลาการลงทุนในหุ้นต่างประเทศมากขึ้น ส่วนที่ผ่านมาผมเริ่มลงทุนในอเมริกาเป็นที่แรก เริ่มตอนสมัยเรียน ปัจจุบันมีลงทุนอยู่ 3 ประเทศ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และอเมริกา"นายทวีฉัตร กล่าว

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้นนั้น นายทวีฉัตร กล่าวว่า เลือกลงทุนในบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานดี โดยให้ความสนใจบริษัทที่สามารถผ่านภาวะวิกฤติต่างๆ มาได้ เพราะผู้บริหารต้องมีวิสัยทัศน์และนโยบายในการบริหารงานที่ดี รวมทั้งยังเลือกลงทุนในระยะยาว ตลอดจนพิจารณาจากบทวิเคราะห์ด้านปัจจัยพื้นฐานและเทคนิคประกอบกัน ปัจจุบันลงทุนในหุ้น 50 ตัว แต่มีการซื้อขายอย่างสม่ำเสมอเพียง 10 ตัวเท่านั้น

"ก่อนที่ผมจะเลือกลงทุน ผมจะดูผู้บริหารก่อน มีความโปร่งใส มีธรรมาภิบาล ดูพื้นฐานบริษัท ดูแนวโน้มของธุรกิจว่ามีอนาคตไหม ซึ่งผมจะชอบหุ้นเทิร์นอะราวด์ ส่วนปัจจุบันเปิดพอร์ตลงทุนอยู่กับโบรกจำนวน 7-8 แห่ง ซึ่งจะเทรดหลักๆ อยู่ 4 โบรก โดยเทรดที่ บล.ไอร่าคิดเป็น 1 ใน 3 ของโบรกทั้งหมด ปีนี้การลงทุนถือว่ามีกำไรดีกว่าปีก่อน เพราะเทรดน้อยลง ถือลงทุนในระยะยาว ซึ่งมีความปลอดภัยกว่า แต่ที่เจ็บตัวก็จะเป็นปี 1996 ปี 1997 และอีกทีปี 2000 ปีนี้ถือว่ามีกำไรคนละเรื่องกับที่ผ่านมาเลย" นายทวีฉัตร กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ