นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ปตท.เคมิคอล (PTTCH) คาดว่า รายได้ในปี 53 จะอยู่ที่ประมาณ 1.5 แสนล้านบาท จากปีนี้คาดไว้ในระดับ 8 หมื่นล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปัจจุบันที่มีอยู่ 1.8 แสนตัน
ในปีหน้าบริษัทจะมีกำลังการผลิตเพิ่มเข้ามาจาก เม็ดพลาสติก LLDPE 4 แสนตัน/ปี เริ่มในไตรมาส 1/53 ,เม็ดพลาสติก LDPE 3 แสนตัน/ปี เริ่มผลิตไตรมาส 2/53 ขณะที่ HDPE ผลิตเพิ่มอีก 3 แสนตัน/ปี เป็น 8 แสนตัน/ปี เริ่มเดินเครื่องเต็มที่ไตรมาส 1/53
ประกอบกับแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะปรับเพิ่มขึ้นจากปีนี้ โดยคาดว่าราคาน้ำมันในปีหน้าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 65-75 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่ไม่น่าเกิน 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากปีนี้ที่คาดว่าราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 60 กว่าเหรียญสหรัฐ/บาร์เรล คาดหวังว่าราคาขายผลิตภัณฑ์น่าจะปรับตามราคาน้ำมันดิบ
"รายได้ปีหน้าบวกลบคูณหารแล้ว รายได้เราจะเกินแสนล้านบาท จากกำลังการผลิตที่เราเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว แต่สเปรดปีหน้ายังอยู่ภายใต้การกดดันเพราะมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มขึ้นแต่ก็คาดว่าปีหน้ากำไรของเราจะดีกว่าปีนี้"นายวีรศักดิ์ กล่าว
นายวีรศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในปี 53 สถานการณ์ของอุตสาหกรรมปิโตรเคมียังดูค่อนข้างลำบาก เนื่องจากกำลังการผลิตของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่ล่าช้าออกไปก่อนหน้านี้มีการคาดการกันว่าจะเริ่มทำการผลิตในปีหน้า ซึ่งมีกำลังการผลิตโดยรวมประมาณ 5 ล้านตัน ส่วนนี้จะส่งผลกระทบต่อราคาขายและสเปรด
ส่วนไตรมาส 4/52 นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า ในช่วงเดือนต.ค.จนถึงปัจจุบันสเปรดอยู่ที่ประมาณ 580 เหรียญ/ตัน หากยังคงระดับนี้ตอ่ไปได้อีก ก็ถือว่าน่าพอใจ แต่อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการในไตรมาส 4/52 คงจะอ่อนตัวจากไตรมาส 3/52 เล็กน้อยเนื่องจากมีการหยุดซ่อมบำรุงประมาณ 35 วัน