นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.เคมิคอล (PTTCH) คาดว่า รายได้ในปี 53 จะอยู่ที่ประมาณ 1.5 แสนล้านบาท จากปีนี้คาดไว้ในระดับ 8 หมื่นล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากปัจจุบันที่มีอยู่ 1.8 แสนตัน ขณะที่บริษัทคาดว่าจะมีสัดส่วนส่งออกในปีหน้าใกล้เคียงปีนี้ที่ 50-60%
ในปีหน้าบริษัทจะมีกำลังการผลิตเพิ่มเข้ามาจาก เม็ดพลาสติก LLDPE 4 แสนตัน/ปี เริ่มในไตรมาส 1/53 ,เม็ดพลาสติก LDPE 3 แสนตัน/ปี เริ่มผลิตไตรมาส 2/53 ขณะที่ HDPE ผลิตเพิ่มอีก 3 แสนตัน/ปี เป็น 8 แสนตัน/ปี เริ่มเดินเครื่องเต็มที่ไตรมาส 1/53
ประกอบกับแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะปรับเพิ่มขึ้นจากปีนี้ โดยคาดว่าราคาน้ำมันในปีหน้าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 65-75 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่ไม่น่าเกิน 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากปีนี้ที่คาดว่าราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 60 กว่าเหรียญสหรัฐ/บาร์เรล คาดหวังว่าราคาขายผลิตภัณฑ์น่าจะปรับตามราคาน้ำมันดิบ
นอกจากนี้ ราคาขายเม็ดพลาสติก LLDPE และ เม็ดพลาสติก LDPE จะสูงกว่าเม็ดพลาสติก HDPE ประมาณ 50-100 เหรียญ/ตัน โดยขณะนี้เริ่มมีออเดอร์เข้ามาบ้างแล้ว
"รายได้ปีหน้าบวกลบคูณหารแล้ว รายได้เราจะเกินแสนล้านบาท จากกำลังการผลิตที่เราเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว แต่สเปรดปีหน้ายังอยู่ภายใต้การกดดัน เพราะมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มขึ้น แต่ก็คาดว่าปีหน้ากำไรของเราจะดีกว่าปีนี้"นายวีรศักดิ์ กล่าว
นายวีรศักดิ์ กล่าวยอมรับว่า ก่อนหน้านี้บริษัทประมาณการรายได้ในปี 53 ประมาณ 1.2 แสนล้านบาท เนื่องจากในช่วงต้นปี 52 ราคาเม็ดพลาสติก HDPE อ่อนตัวมาที่ระดับ 800-900 เหรียญ/ตัน แต่เมื่อมาถึงไตรมาส 3/53 ราคาเม็ดพลาสติก HDPE ปรับตัวสูงขึ้นมาแตะที่ 1,200 เหรียญ/ตัน และคาดว่าจะทรงตัวได้ในไตรมาส 4/52 ต่อเนีองไปถึงปีหน้า เพราะความต้องการเริ่มมีมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในปี 53 สถานการณ์ของอุตสาหกรรมปิโตรเคมียังดูค่อนข้างลำบาก เนื่องจากกำลังการผลิตของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่ล่าช้าออกมาก่อนหน้านี้ ได้มีการคาดการกันว่าจะเริ่มทำการผลิตเข้าสู่ตลาดได้ในปีหน้า มีกำลังการผลิตโดยรวมประมาณ 5 ล้านตัน ส่วนนี้จะส่งผลกระทบต่อราคาขายและสเปรด
ส่วนไตรมาส 4/52 นายวีรศักดิ์ กล่าวว่า ในช่วงเดือน ต.ค.จนถึงปัจจุบันสเปรดอยู่ที่ประมาณ 530 เหรียญ/ตัน หากยังคงระดับนี้ต่อไปได้อีก ก็ถือว่าน่าพอใจ แต่อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการในไตรมาส 4/52 คงจะอ่อนตัวจากไตรมาส 3/52 เล็กน้อยเนื่องจากมีการหยุดซ่อมบำรุงประมาณ 35 วัน
ในวันนี้ PTTCH กับ บริษัท SMC Corporation จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายเครื่องจักรอุตสาหกรรมพลาสติก ได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจในความร่วมมือทางธุรกิจร่วมกันเพื่อพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมพลาสติกของไทย โดยการปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ สนองตอบความต้องการลูกค้าเป็นหลัก
ทั้งนี้ PTTCH มีความพร้อมมร่วมมือกับผู้ประกอบการ ลูกค้า หรือผู้สนใจในการพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกของไทย โดยเป็นผู้ประสานให้เกิดความเชื่อมโยงจากต้นทางคือผู้ผลิตเครื่องจักรจนถึงผู้ผลิตสินค้าสู่ผู้บริโภคปลายทาง
"เป้าหมาย PTTCH ต้องการสร้างมูลค่าเพิ่มเม็ดพลาสติก โดยการทำธุรกิจร่วมกับพันธมิตร" นายวีรศักดิ์ กล่าว