ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 44.29 จุด รับข้อมูลเศรษฐกิจจีนสดใส

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 12, 2009 06:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 พ.ย.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีน รวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีก นอกจากนี้ การอ่อนตัวลงของค่าเงินดอลลาร์ยังช่วยหนุนราคาทองคำและน้ำมันทะยานขึ้น และกระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ด้วย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 44.29 จุด หรือ 0.43% แตะที่ 10,291.26 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 5.50 จุด หรือ 0.50% ปิดที่ 1,098.51 จุด และดัชนี Nasdaq ดีดขึ้น 15.82 จุด หรือ 0.74% ปิดที่ 2,166.90 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.05 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 19 ต่อ 11 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 1.88 พันล้านหุ้น

ราล์ฟ โฟเกล ซีอีโอบริษัท Fogel Neale Partners ในนิวยอร์กกล่าวกับเอพีว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคักหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนรายงานว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมประจำเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 16.1% จากปีที่แล้ว ส่วนยอดค้าปลีกประจำเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 16.2% ต่อปี เนื่องจากเศรษฐกิจขยายตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งหลังจากรัฐบาลใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตัวเลขดังกล่าวทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ของจีนจะขยายตัวมากกว่า 10% เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี

สกุลเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงหลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังอ่อนแอ พร้อมกับส่งสัญญาณว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0-0.25% ไปอีกระยะหนึ่งจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างยั่งยืน ซึ่งการอ่อนตัวลงของดอลลาร์ช่วยหนุนราคาทองคำและน้ำมันทะยานขึ้น และกระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่อย่างคับคั่ง

ต้นทุนการกู้ยืมในระดับใกล้ 0% เป็นประโยชน์ต่อสถาบันการเงิน และสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนแอจะช่วยให้สินค้าส่งออกของสหรัฐมีราคาถูกกว่าสำหรับผู้ซื้อในต่างประเทศ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่านักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์กจะใช้ทิศทางของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยชี้นำในการซื้อขายต่อไปอีกในระยะใกล้นี้

หุ้นโทลล์ บราเธอร์ส ซึ่งเป็นบริษัทรับสร้างบ้าน พุ่งขึ้น 16.4% หลังจากบริษัทคาดการณ์รายได้พุ่งขึ้นเกินคาด ซึ่งหนุนดัชนีดาวโจนส์กลุ่มก่อสร้างบ้านพุ่งขึ้น 7.1% และหนุนหุ้นบริษัทรับสร้างบ้านตัวอื่นๆดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นพัลท์ โฮมส์ ปิดบวก 8.1% และหุ้นเบเซอร์ โฮมส์ ยูเอสเอ ปิดพุ่ง 12.4%

ส่วนหุ้นนิวมอนท์ ไมนิ่ง คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ของโลก ดีดขึ้น 1.6% หลังจากราคาทองคำในตลาด COMEX ทะยานขึ้น 12.10 ดอลลาร์ แตะที่ 1,114.60 ดอลลาร์/ออนซ์

หุ้นเมซีส์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ ดิ่งลง 8.1% เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่บริษัทไม่ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการปี 2552 พร้อมกับจับตาดูผลประกอบการของวอล-มาร์ท สโตเรส บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ในวันพฤหัสบดีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ