นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.(PTT)คาดว่า รายได้ของปตท.ในปี 53 จะเติบโตได้ราว 10% จากปีนี้ โดยการประเมินดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานว่าปัญหาการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุดได้รับการแก้ไขไปได้ด้วยดี เนื่องจากในปีหน้าเครือปตท.มีโครงการลงทุนที่ถึงกำหนดแล้วเสร็จและเริ่มผลิต ได้แก่ โรงแยกก๊าซฯแห่ง 6 และโรงแครกเกอร์กำลังผลิต 1 ล้านตัน ของบมจ.ปตท.เคมีคัล(PTTCH)
อย่างไรก็ตาม หากเป็นกรณีที่ปัญหามาบตาพุดยังไม่คลี่คลายและยืดเยื้อออกไป ก็เชื่อว่ารายได้ของ ปตท.ก็น่าจะเติบโตจากปีนี้ได้เล็กน้อย เนื่องจากคาดว่าราคาน้ำมันและปริมาณความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลกจะกลับมาดีขึ้นตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ ขณะที่ผลงานในปี 52 คาดว่ากำไรจะใกล้เคียงกับปีก่อนแม้ว่ายอดขายจะลดลง เนื่องจากปีนี้ไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกเหมือนในปี 51
สำหรับข้อเสนอให้กลุ่มปตท.ย้ายการลงทุนไปยังพื้นที่ใหม่นอกเขตมาบตาพุดนั้น นายประเสริฐ กล่าวว่า เป็นเรื่องยากสำหรับกลุ่มปตท.ที่ลงทุนในด้านสาธารณูปโภคสาธารณูปการในพื้นที่มาบตาพุดไว้มากแล้ว
นายประเสริฐ กล่าวว่า ในอนาคต ปตท.มีแผนจะเพิ่มการลงทุนในต่างประเทศ โดยคาดว่าในแผน 5 ปีฉบับใหม่(ปี 57-61)ที่จะเริ่มใช้ในปี 57 จะกำหนดสัดส่วนการใช้งบลงทุนต่างประเทศขึ้นเป็น 50% จากแผน 5 ปีฉบับปัจจุบัน(ปี 52-56)กำหนดงบลงทุนต่างประเทศไว้ในสัดส่วน 20-30% จากงบลงทุนทั้งหมด 2.39 แสนล้านบาท เนื่องจากมองว่าการลงทุนในประเทศมีโอกาสเติบโตได้ไม่มากแล้ว
ส่วนแผนการลงทุนในปี 53 บริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุน 8.2 หมื่นล้านบาทตามที่กำหนดไว้ในแผนลงทุน 5 ปี