โบรกฯ แนะลงทุนทองคำตอนนี้ยังพอได้ ประเมินปีหน้า 1,000-1,200 เหรียญฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 13, 2009 14:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ มองหลายมุมต่อแนวโน้มราคาทองคำ บางรายมองว่านักลงทุนยังไม่มั่นใจกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและค่าเงินดอลลาร์ จึงหันมาถือครองในทองคำ ทำให้ราคาน่าจะได้เห็น 1,200 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ แต่บางรายก็มองว่าราคาทองไม่น่าไปถึง 1,200 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ เนื่องจากราคาที่ปรับขึ้นมาไม่ได้เกิดจากดีมานด์ อย่างไรก็ตาม ทิศทางราคาทองยังขึ้นกับปัจจัยเรื่องอัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยนด้วย

          โบรกเกอร์                      คำแนะนำ                  แนวโน้มราคา(ดอลลาร์/ออนซ์)
                                                               ปี 52         ปี 53
          ที.ซี. ออสสิริส ฟิวเจอร์ส           ลงทุนตอนราคาย่อลง        n/a          สูงกว่า 1,200
          จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์             ลงทุน-ถือยาว             1,200-1,300  สูงกว่า 1,000
          วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส   หาจังหวะเล่น Long        1,170        n/a

นายอภิชาติ ลักษณะสิริศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที.ซี. ออสสิริส ฟิวเจอร์ส จำกัด แนะกลยุทธ์การลงทุนว่า การเข้าซื้อทองคำเพื่อลงทุนในขณะนี้ยังคงทำได้ โดยเฉพาะในระยะสั้นที่ราคาย่อลงมา ให้เข้าถือขาซื้อเอาไว้น่าจะได้เปรียบกว่า เพราะคาดว่าราคาทองคำในประเทศน่าจะปรับตัวขึ้นไปได้ถึง 2 หมื่นบาท ตามทิศทางราคาทองคำตลาดโลก

"ถ้าถือทองคำแท่งอยู่ในมือ เอาเข้าตู้เซฟ คล้องโซ่ไว้ประมาณ 1 ปี อย่าเพิ่งขาย บ้านเราถ้าค่าเงินบาทไม่แข็งราคาทองคำบ้านเราก็น่าจะถึง 2 หมื่นบาท"นายอภิชาติ กล่าว

นายอภิชาติ เชื่อว่าภายใน 12 เดือนนับจากวันนี้ไปราคาทองคำจะยังไปต่อและน่าจะไปได้ไกลพอสมควร เหตุผลหลักๆ คือตอนนี้เกือบทั้งโลกไม่ค่อยให้ความน่าเชื่อถือของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ก็จะหนีไปถือเงินสกุลอื่นหรือทองคำ เช่น ธนาคารกลางอินเดียเริ่มเปลี่ยนจากการถือเงินดอลลาร์สหรัฐมาเป็นถือทองคำแทน ขณะที่รัฐบาลของหลายๆประเทศในแถบเอเซียก็เริ่มขยับเช่นกัน และเพียงแค่จีนกับอินเดีย 2 ประเทศนี้ดีมานด์การซื้อทองคำก็จะมีมูลค่ามหาศาลแล้ว

"นั่นคงเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ผมเชื่อว่าอีก 1 ปีข้างหน้า หรือไปถึงธันวาคมปี 53 ราคาทองคำจะไปได้อีกไกล ใจผมคิดว่ามากกว่า 1,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ออนซ์ อาจจะไปถึง 1,300, 1,400, 1,500 ภายใน 12 เดือน หรือธันวาคมปีหน้า ส่วนจะช้าเร็วแค่ไหนขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย

จริงๆ แล้วในระยหลัง ทองคำกึ่งๆ จะเป็น Asset ที่คนให้ความสำคัญมาก และอีกส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับ Fund Flow...Fundamental เป็นส่วนหนึ่ง Demand-Supply เป็นอีกส่วนหนึ่ง แต่เรื่องของ Fund Flow ก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง จึงตอบได้ยากว่าจังหวะ เมื่อไหร่ อย่างไร แต่ภาพใหญ่ๆ คือขึ้นแน่"นายอภิชาติ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ธรรมชาติของสินค้า Commodity ที่จะต้องมีขึ้นและลง อาจจะมีนิวไฮ และจะได้เห็นมากกว่า 1,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ออนซ์

ด้านนายโกสินทร์ เจือศิริภักดี ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ แนะนำการลงทุนทองคำในตลาด Spot ว่า นักลงทุนอาจรู้สึกว่าราคาทองคำตอนนี้แพงเกินไป แต่ผมเชื่อว่าหากราคาทองคำแท่งอ่อนตัวลงอยู่แถวๆ 17,000 ต้นๆ แถวๆ 17,200-17,300 บาท ก็ยังน่าจะเป็นโอกาสในไปเข้าลงทุนและถือยาวได้

ส่วนการขาย มองว่าถ้าซื้อแถว 17,000 ต้นๆ น่าจะขายแถวๆ 18,000 บาทได้

นายโกสินทร์ คาดการณ์ว่าแนวโน้มราคาทองคำในตลาดโลกน่าจะทะลุ 1,200-1,300 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ออนซ์ ภายในสิ้นปี 52 นี้ ส่วนในปี 53 ยังขึ้นอยู่กับนโยบายของประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ก็เชื่อว่าราคาทองคำน่าจะทรงตัวอยู่เหนือระดับ 1 พันดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์

สาเหตุที่ต้องรอดูนโยบายของสหรัฐ เพราะราคาทองคำที่พุ่งขึ้นมาในขณะนี้และคาดว่าจะพุ่งต่อเนื่องจนถึงปลายปี เป็นเพราะทางสหรัฐฯออกมาประกาศว่ายังยินดีให้ดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ประเทศอื่นอย่างออสเตรเลีย หรือบางประเทศในยุโรปเริ่มปรับดอกเบี้ยขึ้นหลังจากตัวเลขการจ้างงาน ตัวเลขเศรษฐกิจเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น

นอกจากนี้ ธนาคารกลางของหลายประเทศลดสัดส่วนการถือครองดอลลาร์เพื่อไปถือทองคำแทน เพราะฉะนั้นลักษณะ Fund Flow ที่วิ่งเข้าหาทองคำจะเป็นอย่างนี้ต่อไปจนถึงสิ้นปี จนกว่าสหรัฐฯจะมีทีท่าใหม่ว่าจะทำยังไงกับค่าเงินดอลลาร์และดอกเบี้ย เพราะผู้ว่าการธนาคารโลกก็ออกมาให้ความเห็นว่าสหรัฐฯเริ่มเป็นห่วงตัวเองมากเกินไป เริ่มคิดว่าดอลลาร์อยู่ในตลาดได้โดยที่มีคนอุ้ม

อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นแนวรับแข็งแกร่งอยู่ที่ 1,100 เหรียญสหรัฐฯ/ออนซ์ ส่วนราคาที่ปรับตัวลดลงมาน่าจะเป็นการขายทำกำไรเพื่อพักฐานชั่วคราว เพราะประเด็นทุกอย่างยังเป็นเรื่องเดิมๆที่กล่าวมาข้างต้น

สำหรับการลงทุนในตลาด Gold Futures ให้น้ำหนักเป็นขา Long เป็นหลัก

ขณะที่ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด กลับมองว่า ภายในสิ้นปีนี้ประเมินราคาทองโลกอยู่ที่ 1,170 เหรียญสหรัฐฯ/ออนซ์ แต่คงไม่ถึง 1,200 เหรียญสหรัฐฯ/ออนซ์ เพราะสาเหตุที่ผลักดันให้ราคาทองปรับเพิ่มขึ้นนั้นไม่ได้เกิดจากดีมานด์ที่แท้จริง แต่เป็นเพราะดอลลาร์อ่อน และมีคนทำ Carry Trade Reserve Bank จึงทำให้ราคาทองปรับขึ้น ฉะนั้นควรมองปัจจัยเรื่องของดอกเบี้ยของสหรัฐและอัตราแลกเปลี่ยน

หากนักลงทุนต้องการเล่นระยะสั้นและรับความเสี่ยงได้สูงให้เล่น Short โดยคาดว่าทองคำจะปรับฐาน หากต้องการเล่นระยะสั้นและรับความเสี่ยงได้ต่ำให้เล่น Range trading ระหว่างแนวรับแนวต้านที่ $1,096 -$1,117 หากต้องการเล่นระยะกลางและรับความเสี่ยงได้สูงให้ท่านหาจังหวะทยอยสะสม Long โดยคาดว่าทองคำจะปรับตัวขึ้นไปเหนือ $1,130 หากต้องการเล่นระยะกลางและรับความเสี่ยงได้ต่ำให้ท่านหาจังหวะเล่น Long เช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ