SCCC คาดความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ภายในประเทศปี 53 สูงขึ้น 2%

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 13, 2009 15:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ. ปูนซีเมนต์นครหลวง (SCCC) คาดว่าความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ภายในประเทศปี 53 จะปรับตัวขึ้นเล็กน้อยประมาณ 2% เนื่องจากมองว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจช่วงที่ตกต่ำได้ผ่านพ้นไปแล้ว และภาคอุตสาหกรรมโดยรวมกำลังอยู่ในช่วงปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นจากไตรมาส 4/52 ที่คาดว่าจะยังคงที่

"ในอนาคตบริษัทยังคงระมัดระวังในแนวทางการเจริญเติบโตในระยะสั้น" เอกสารเผยแพร่ ระบุ

ปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์ภายในประเทศได้ปรับตัวสูงขึ้น 3% ในไตรมาส 3/52 เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มมีความมั่นใจและมีการใช้จ่ายในการบริโภคมากขึ้นในขณะที่ปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์รวมในช่วง 9 เดือนแรกถึงเดือน ก.ย.52 ปรับตัวลดลง 6% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 51 ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ที่ลดลงในช่วงครึ่งปีแรก

ในช่วงไตรมาส 3/52 บริษัทฯ มีรายได้สุทธิรวมจากการขาย 4,915 ล้านบาท ลดลงจากปีที่แล้ว ซึ่งมีรายได้สุทธิรวมจากการขาย 5,144 ล้านบาทอยู่ที่ 4.4% และมีรายได้สุทธิรวมจากการขายของบริษัทฯ ในช่วง 9 เดือนแรกที่ 14,963 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่ารายได้สุทธิรวมจากการขายของบริษัทฯ ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 16,068 ล้านบาท คิดเป็น 6.9%

บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 18.3% สูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 51 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 17.5 การแบ่งปันกำไรสุทธิ ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ในไตรมาส 3/52 อยู่ที่ 742 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 3.23 บาท เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 51 ซึ่งมีความสามารถในการทำกำไรอยู่ที่ 715 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 3.11 บาท

ทั้งนี้ จากความมุ่งมั่นของบริษัทฯที่จะลดค่าใช้จ่ายคงที่ในการดำเนินงานและการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตทำให้อัตรากำไรสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่ 20.5% ใกล้เคียงกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งมีอัตรากำไรสุทธิจากการดำเนินงาน อยู่ที่ 20.8%การแบ่งปันกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 2,242 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 9.75 บาท เปรียบเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 2,497 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 10.86 บาท

ขณะเดียวกัน การปรับลดเงินลงทุนหมุนเวียนสุทธิอย่างมีนัยสำคัญได้ช่วยให้กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานปรับตัวสูงขึ้น 31.4% หรือเท่ากับ 2,979 ล้านบาทในช่วงระยะเวลา 9 เดือนแรกถึงสิ้นเดือน ก.ย.52 เปรียบเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 51 ซึ่งอยู่ที่ 2,267 ล้านบาท และบริษัทฯ ยังได้ปรับเพิ่มอัตราส่วนกระแสเงินสดเป็น 19.9% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 14.1%



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ