นายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการ บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย)(DELTA) คาดว่าในปีนี้บริษัทจะมีรายได้ราว 900 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงกว่าที่เคยคาดไว้ที่ 800 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่เป้าหมายในช่วงต้นปีอยู่ที่ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ และกำไรต่ำกว่าปีก่อนที่มี 2.9 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเห็นได้จากไตรมาส 3/52 มีกำไรสุทธิ 670 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยถึง 123% จากไตรมาส 2/52 จึงคาดว่าไตรมาส 4/52 ทั้งรายได้และกำไรจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามทิศทางของตลาดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์แล้ว รวมทั้ง เทคโนโลยี 3G แพร่หลายในหลายประเทศ ทำให้ความต้องการชิ้นส่วนอุปกรณ์เกี่ยวกับ 3G มีปริมาณเพิ่มขึ้น
"ไตรมาส 2/52 ถือว่าเป็นไตรมาสที่ผลประกอบการต่ำสุดแล้ว และไตรมาส 3 เริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ"นายอนุสรณ์ กล่าว
และในปีหน้าบริษัทคาดว่าทั้งรายได้และกำไรจะเดิบโตมากกว่านี้ ซึ่งบริษัทได้เตรียมขยายตลาดที่สหัฐเพิ่มขึ้น หลังจากที่เพิ่งลงทุนเพิ่มเติมในบริษัท เดลต้า กรีน เทค (ยูเอสเอ คอร์ปอเรชั่น) เพื่อรองรับการขยายกิจการด้านการผลิต ประกอบชิ้นส่วน และทำการตลาด ผลิตภัณฑ์พาวเวอร์ซิสเต็มในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม
"แม้ว่ายอดขายปีนี้เราจะตกไปกว่าปีก่อน แต่เราก็ยังทำกำไรได้ตลอด เราจะไม่บุ่มบ่ามกับยอดขาย เดี๋ยวนี้ผมไม่สนใจยอดขายเท่าไหร่ แต่จะยึดหลักทำกำไรมากกว่า"นายอนุสรณ์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าในปี 52 อัตรากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 8-9% จากปีก่อนอยู่ที่ 8.6% และ อัตรากำไรขั้นต้นปีนี้อยู่ที่ประมาณ 26-27% จากปีก่อน 24% ซึ่งบริษัทมีนโยบายที่จะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 25% โดยในปี 53 บริษัทจะเน้นสินค้า Telecom power supply and system และระยะต่อไปมองสินค้า Solar inverter ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราเติบโตอย่างรวดเร็ว
นอกจากนั้น ในปีหน้าบริษัทจะยังคงลงทุนปกติประจำปีประมาณ 300-400 ล้านบาท และมีแนวโน้มจะมีงบลงทุนนอกเหนือจากนี้ ซึ่งบริษัทกำลังดูลู่ทางขยายการลงทุนในอินเดียอยู่ เนื่องจากตลาดกำลังเติบโต
นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า บริษัท เดลต้า กรีน เทค (ยูเอสเอ คอร์ปอเรชั่น) ซึ่ง DELTA ถือหุ้น 100% เข้าเจรจาเทคโอเวอร์บริษัทผลิตเพาเวอร์ซัพพลายได้แล้ว ซึ่งบริษัทนี้ตั้งอยู่ในเมืองดัลลัสของสหรัฐ โดยใช้เงินประมาณ 8 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปลายปีนี้ คาดว่าจะทำรายได้ 200-300 ล้านเหรียญภายใน 3 ปี และใช้เวลาคืนทุนราว 5 ปี
ส่วนการเข้าเทคโอเวอร์กิจการในยุโรปได้มอบหมายให้บริษัทลูกของ DELTA ในเยอรมัน สโลวาเกีย และ ฟินแลนด์ มองหาโอกาสเข้าซื้อกิจการ ซึ่งเชื่อว่าขณะนี้แต่ละแห่งได้มองไว้แล้วมากว่า 1 แห่ง แต่ยังไม่รู้สรุปได้เมื่อไร
นอกจากนี้ กำลังอยู่ระหว่างเจรจาออเดอร์ผลิตชี้นส่วนรถยนต์ไฮบริด คาดว่าจะสรุปได้ภายในครึ่งแรกปี 53 และเริ่มผลิตได้ในครึ่งหลังปี 53 โดยในตลาดสหรัฐและยุโรป บริษัทเน้นสินค้าดูแลสิ่งแวดล้อม(green energy)
ปัจจุบัน ตลาดสหรัฐ ยังคงเป็นตลาดหลักสัดส่วน 40% รองลงมาเป็นยุโรป 30% และที่เหลือ 30% เป็นตลาดอื่นๆ โดยปีนี้ได้รุกตลาดใหม่มากขึ้น ได้แก่ ตะวันออกกลาง และ อินเดีย