ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 73 จุด หลังบริษัทเอกชนเผยผลประกอบการดีเกินคาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday November 14, 2009 07:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 พ.ย.) หลังจากที่รายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดของวอลท์ ดิสนีย์และบริษัทค้าปลีก ได้ช่วยเพิ่มความหวังให้กับนักลงทุนเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลงก็ช่วยดึงดูดให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นเช่นกัน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 73.00 จุด หรือ 0.72% ปิดที่ 10,270.47 จุด ดัชนี S&P 500 ไต่ขึ้น 6.24 จุด หรือ 0.57% ปิดที่ 1, 093.48 จุด และดัชนี Nasdaq บวก 18.86 จุด หรือ 0.88% ปิดที่ 2,167.88 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเบาบาง ที่ราว 985 ล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 11 ต่อ 4 ปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 1.90 พันล้านหุ้น

ตลาดวอลล์สตรีทซึ่งถูกแรงเทขายกดร่วงลงถึง 94 จุดเมื่อวันพฤหัสบดี ได้กลับมาดีดตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ หลังจากที่บริษัทวอลท์ ดิสนีย์ บริษัทสื่อรายใหญ่สุดของโลกได้เปิดเผยผลกำไรไตรมาสสี่เพิ่มขึ้นเกินคาด 18% ซึ่งช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุนเกี่ยวกับภาคเอกชน

ด้านอะเบอร์ครอมบี แอนด์ ฟิทช์ ผู้ค้าปลีกเสื้อผ้า รายงานผลกำไรไตรมาสสามที่ 30 เซนต์ต่อหุ้น ขณะที่ เจ.ซี. เพนนี ห้างสรรพสินค้ารายใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐ ยกระดับคาดการณ์ผลกำไรและยอดขายรายปี หลังจากผลประกอบการไตรมาสสามดีเหนือความคาดหมาย

หุ้นดิสนีย์ บวก $1.39 หรือ 4.8% แตะ $30.44, อะเบอร์ครอมบี กระโดดขึ้น $3.92 หรือ 10.7% แตะ $40.68 และ เจ.ซี. เพนนี บวก $1.82 หรือ 6.2% แตะ $31.21

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากเงินดอลลาร์ด้วย โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มวัตถุดิบ โดยวานนี้เงินดอลลาร์กลับมาร่วงลงอีกครั้งเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ เนื่องจากการขาดดุลการค้าของสหรัฐในเดือนก.ย.ได้พุ่งขึ้นสูงเกินคาดถึง 18.2% แตะ 3.65 หมื่นล้านดอลลาร์ มากสุดในรอบ 10 ปี และมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ที่ระดับ 3.17 หมื่นล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ ผลประกอบการที่ดีเหนือความคาดหมายของภาคเอกชนได้ช่วยบรรเทาความวิตกกังวลเกี่ยวกับรายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่น่าผิดหวังและตัวเลขขาดดุลการค้าที่เพิ่มขึ้นเกินคาด

ตลาดร่วงลงในช่วงสั้นๆวานนี้ หลังจากที่มีการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นโดยรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนประจำเดือนพ.ย. ร่วงลงมาอยู่ที่ 66.0 จากระดับ 70.6 ในเดือนต.ค. ซึ่งได้จุดกระแสความกังวลเกี่ยวกับการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยนักลงทุนกังวลว่า ผู้บริโภคอาจยังไม่พร้อมที่จะใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นในช่วงวันหยุดปลายปีนี้ ขณะที่มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐบาล อาทิ โครงการรถเก่าแลกซื้อรถใหม่ เริ่มคลายมนต์ขลัง

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ข่าวเกี่ยวกับผู้บริโภคจะขับเคลื่อนการซื้อขาย โดยนักลงทุนจะรอดูรายงานเศรษฐกิจจากภาครัฐในสัปดาห์หน้า อาทิ ตัวเลขค้าปลีก รวมไปถึงรายงานผลประกอบการรายไตรมาสจาก Gap Inc., Home Depot Inc., Saks Inc. และ Target Corp.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ