นายสมชัย สิทธิชัยศรีชาติ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น(ประเทศไทย)(SIS) คาดในปี 52 กำไรสุทธิจะสูงกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 206 ล้านบาท โดยยอดขายน่าจะเติบโตราว 12-13% จากปี 51 ที่ทำยอดขายได้ 1.2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ในไตรมาส 4/52 บริษัทเข้าลุ้นประมูลงานภาครัฐ มูลค่าราว 300-400 ล้านบาท หากสามารถประมูลได้ทันภายในปีนี้ก็จะช่วยผลักดันยอดขายให้เพิ่มขึ้น
และคาดว่ายอดขายในปี 53 จะเติบโต 8-10% โดยจะเน้นขยายตลาดต่างจังหวัด พร้อมเตรียมเปิดสาขาใหม่ตามหัวเมืองใหญ่เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ได้เปิดไปแล้วแห่งแรกที่จังหวัดเชียงใหม่ในปีนี้
"ปีนี้บริษัทยังมั่นใจว่าจะเห็นกำไรสุทธิต่อเนื่องจนถึงปี 53 แม้ว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะลดลงเล็กน้อย และอุตสาหกรรมจะไม่ดีนัก แต่รายได้ของบริษัทยังเติบโตได้ดี และปีหน้าเชื่อว่าจะโตได้อีกอย่างน้อย 8-10% หรือ 2 เท่าของ GDP"นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย กล่าวว่า บริษัทคาดว่าปีนี้ยอดขายเติบโตจากปีก่อน เนื่องจากยอดขายในกลุ่มลูกค้า consumer ยังคงเติบโตได้ดี โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง และจะดีเป็นพิเศษในช่วงไตรมาส 4/52 เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นและมีกำลังซื้อเข้ามา
ส่วนในปีหน้าคาดว่ายอดขายจะเติบโต 8-10% จากการที่บริษัทพยายามทำการตลาดไปยังต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น ขณะที่มองว่าตลาดโน๊ตบุ๊คและสมาร์ทโฟนยังเติบโตได้ดี และยิ่งหากมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องเพิ่มมากขึ้น อาทิ การเปิดให้บริการ 3G ก็เชื่อว่าจะช่วยผลักดันการเติบโตให้สูงขึ้นอีก
อีกทั้งคาดว่าปีหน้าน่าจะเห็นความชัดเจนจากการใช้งบลงทุนภายใต้โครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งจะส่งผลโดยอ้อมกับอุตสาหกรรมไอที โดยบริษัทคาดว่าจะเข้าประมูลงานภาครัฐอีก 300-400 ล้านบาท ในปลายปีนี้ต่อเนื่องปี 53 อาทิ โครงการของสำนักคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ซึ่งบริษัทค่อนข้างมั่นใจมากว่าจะได้รับงานทั้งหมดที่เข้าประมูล
นายสมชัย กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรขั้นต้นในปี 53 ให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีนี้ที่ประมาณ 5% ซึ่งลดลงเล็กน้อยจากปี 51 ที่อยู่ในระดับ 5-6% เนื่องจากในปีนี้บริษัทรับพนักงานเข้ามาเพิ่ม ทำให้มีค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรสูงขึ้น ส่วนการขยายสาขาใช้เงินลงทุนไม่มากนัก เพราะส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เช่า
บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาหาพื้นที่เช่าในต่างจังหวัดเพื่อตั้งสาขาเพิ่มเติม โดยเฉพาะตามหัวเมืองใหญ่ อาทิ ภูเก็ต หาดใหญ่ และ ขอนแก่น หลังจากที่ได้เปิดสาขาที่จังหวัดเชียงใหม่ไปแล้วในปีนี้ พร้อมทั้งเล็งย้ายคลังสินค้าหรือเช่าพื้นที่ทำคลังสินค้าเพิ่มเติม เนื่องจากพื้นที่ปัจจุบันไม่เพียงพอ คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 30 ล้านบาทในการวางระบบไอทีรองรับคลังสินค้าและจัดส่งสินค้า