นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. การบินไทย (THAI) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/52 บริษัทฯขาดทุนสุทธิ 4,034 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 426 ล้านบาท เนื่องมาจากบริษัทมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 2,735 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 4,734 ล้านบาท
และรายได้รวมงวดไตรมาส 3/52 มีจำนวน 39,147 ล้านบาท ลดลง 27.7% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 54,158 ล้านบาท
"การขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเพียงการขาดทุนทางบัญชี สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา จึงไม่น่าตกใจ แต่ประเด็นที่ควรให้ความสำคัญคือ ตัวเลขผลการขาดทุนหรือกำไรจากการดำเนินงานมากกว่า แต่ในช่วงไตรมาส 4/52 จะเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือHigh seasons คาดว่าผลประกอบการในช่วงไตรมาสสี่จะดีขึ้นแน่นอน เพราะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว”นายปิยสวัสดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้การบินไทยจะขาดทุนในไตรมาส 3/52 แต่ปัจจุบันถือว่าอุตสาหกรรมการบินเริ่มฟื้นตัวแล้ว เห็นได้จากปริมาณผู้โดยสาร ปริมาณการขนส่งสินค้า และอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร(cabin factor)ในช่วงไตรมาส 3/52 ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/52 และดีขึ้นต่อเนื่องจนถึงเดือน ต.ค.52 เมื่อเทียบกับเดือน ก.ย.52 โดยปริมาณการขนส่งผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 8.2% ปริมาณการขนส่งสินค้า เพิ่มขึ้น 8.5% และ cabin factor เพิ่มขึ้นเป็น 75.3% ขณะที่เดือ นก.ย. อยู่ในระดับ 74.4%
การแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง ทำให้รายได้ค่าโดยสารเฉลี่ยต่อหน่วย (ไม่รวมรายได้ค่าธรรมเนียมชดเชยค่าน้ำมันที่เรียกเก็บจากผู้โดยสาร) ไตรมาส 3/52 ลดลงเหลือ 1.94 บาทต่อคน-กิโลเมตร เปรียบเทียบกับ 1.96 บาทต่อคนกิโลเมตรในไตรมาส2/52 และ 2.34 บาทต่อคนกิโลเมตรในไตรมาสสามปีก่อน ประกอบกับราคาน้ำมันเครื่องบินเฉลี่ยในไตรมาส 3/52 สูงขึ้นจากครึ่งปีแรก
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 52 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-30 ก.ย.52 พบว่ามีผลขาดทุนสุทธิ 1,569 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 0.92 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิ 6,612 ล้านบาท หรือขาดทุนต่อหุ้น 3.89 บาท โดยผลขาดทุนที่ลดลงเป็นผลจากราคาน้ำมันเครื่องบินโดยเฉลี่ยลดลงประมาณ 50% โดยมี EBITDA เท่ากับ 17,978 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนที่อยู่ในระดับ 11,769 ล้านบาท
ณ วันที่ 30 ก.ย.52 THAI และบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 263,838 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ วันที่ 31 ธ.ค.51 จำนวน 4,304 ล้านบาท โดยมีหนี้สินรวมทั้งสิ้น 219,524 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,872 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 44,314 ล้านบาท ลดลง 1,568 ล้านบาท