ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 136.49 จุด หลัง"เบอร์นันเก้"ยืนยันเฟดคงดอกเบี้ยต่ำต่อ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 17, 2009 06:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.) หลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากยอดค้าปลีกประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาด รวมทั้งการอ่อนตัวลงของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่หนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้นด้วย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 136.49 จุด หรือ 1.33% ปิดที่ 10,406.96 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 15.82 จุด หรือ 1.45% ปิดที่ 1,109.30 จุด และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 29.97 จุด หรือ 1.38% ปิดที่ 2,197.85 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.15 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 9 ต่อ 2 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.13 พันล้านหุ้น

เจมี ค็อกซ์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Harris Financial Group กล่าวกับเอพีว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นขานรับเบอร์นันเก้ที่ยืนยันในที่ประชุมเฟดเมื่อวานนี้ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ย "ต่อไปอีกระยะหนึ่ง" เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และระบุว่าเม็ดเงินที่รัฐบาลสหรัฐอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจนั้น ไม่ได้ทำให้เกิดกระแสเก็งกำไรที่นำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อ

การยืนยันของเบอร์นันเก้ส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงทันที ซึ่งดอลลาร์ที่อ่อนค่าช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกประจำเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 1.4% มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.9% ส่วนยอดค้าปลีกที่ไม่นับรวมยอดขายรถยนต์ ขยับขึ้น 0.2%

เจมส์ ซัลลิแวน หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท MF Global Inc ในนิวยอร์ก กล่าวว่า การปรับตัวของยอดขายสินค้าจากบรรดาห้างค้าปลีก รวมถึงบริษัท TJX Cos. และ Saks Inc ช่วยหนุนรายได้ภาคค้าปลีกในช่วงเทศกาลวันหยุดของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นร้อยละ 70% ของตัวเลขจีดีพีสหรัฐ จะขึ้นอยู่กับว่าตลาดแรงงานฟื้นตัวขึ้นหรือไม่ โดยเดือนต.ค.อัตราว่างงานของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับ 10.2% และตัวเลขจ้างงานหดตัวลง 190,000 ตำแหน่ง ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 175,000 ตำแหน่ง

นักลงทุนคาดหวังว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง หลังจากมีข่าวว่าเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) บริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่สุดของสหรัฐ เตรียมจ่ายเงิน 6.7 พันล้านดอลลาร์คืนให้รัฐบาลสหรัฐเริ่มตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป ซึ่งเร็วกว่ากำหนดถึง 5 ปี โดยจีเอ็มเตรียมคืนเงินไตรมาสละ 1 พันล้านดอลลาร์ เริ่มงวดแรกในวันที่ 31 ธันวาคม ซึ่งทำให้จีเอ็มจ่ายเงินครบ 6.7 พันล้านดอลลาร์ภายในไตรมาส 2 ของปี 2554 จากที่กู้ยืมมาทั้งหมด 4.99 หมื่นล้านดอลลาร์

การอ่อนตัวลงของสกุลเงินดอลลาร์ช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX พุ่งขึ้น 2.55 ดอลลาร์ แตะที่ 78.90 ดอลลาร์/บาร์เรล และยังหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองทะยานขึ้นด้วย โดยหุ้นเบเกอร์ ฮิวจ์ อิงค์ ปิดบวก 4.6% หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แกน คอปเปอร์ แอนด์ โกลด์ ปิดบวก 3.6%

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค. ขณะที่เฟดจะเปิดเผยตัวเลขการผลิตทางอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังผลิตเดือนต.ค. และสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) จะเปิดเผยดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนพ.ย. วันพุธ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค. และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนต.ค. วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดจะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนต.ค. ส่วนวันศุกร์ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ