หุ้น ESSO ราคาไหลลง 2.88% มาอยู่ที่ 6.75 บาท ลดลง 0.20 บาท มูลค่าซื้อขาย 18.47 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.06 น. โดยเปิดตลาดที่ 6.85 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 6.85 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 6.70 บาท
สถาบันวิจัยนครหลวงไทย ระบุในบทวิเคราะห์ แนะ"ขาย"หุ้น บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย)หรือ ESSO คงมูลค่าเหมาะสมที่ 7.10 บาท ซึ่งจะสะท้อน PER ปี 2553 ที่ระดับประมาณ 9.8 เท่า และคาดให้ Dividend Yield ได้ในระดับประมาณ 4.10%
แนวโน้ม Q4/52 ยังคงถูกกดดันจากค่าการกลั่นในระดับต่ำ จึงต้องปรับลดประมาณการกำไรปี 2552 ลง 37% เป็น 4,822 ล้านบาท โดยคาดการณ์แนวโน้มผลการดำเนินงานใน Q4/52 ไว้ในระดับไม่มีกำไรและขาดทุน ทั้งนี้ อานิสงค์จากกำไรสต็อกน้ำมันใน Q4/52 คาดจะช่วยชดเชยค่าการกลั่นที่อยู่ในระดับต่ำได้ในระดับหนึ่ง
ส่วนธุรกิจปิโตรเคมีคาดส่วนต่างราคาพาราไซลีนจะทรงตัวจาก Q3/52 สำหรับปี 2553 ยังคงประมาณการไว้ในระดับใกล้เคียงเดิมที่ 2,502 ล้านบาท ซึ่งอิงคงสมมติฐานค่าการกลั่นที่ระดับ 4.5 เหรียญ/บาร์เรล และธุรกิจปิโตรเคมีที่อิงสมมติฐานส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ระดับ 220 เหรียญ/ตัน
หากเทียบกับหุ้นโรงกลั่นอื่น ESSO ถือว่ามีความน่าสนใจน้อยกว่าในปัจจุบัน เนื่องจากไม่มีปัจจัยหนุนจากประเด็นการควบรวมกิจการ, ภาพรวมของธุรกิจค่อนข้างมีแรงกดดันและความผันผวนสูงกว่าโรงกลั่นอื่นจากการอิงกับธุรกิจโรงกลั่นเป็นหลัก มีการกระจายความเสี่ยงสู่ธุรกิจอื่นในสัดส่วนค่อนข้างน้อย
ทั้งนี้ upside จากมูลค่าเหมาะสมเหลืออยู่เพียง 2% ขณะที่ แนวโน้มผลการดำเนินงานในระยะสั้น และอัตราการจ่ายเงินปันผล 2H/52(คาดอีก 0.25 บาท/หุ้น)คาดไม่น่าจะเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้น