ครม.สั่งนำข้อเสนอป.ป.ช.ปรับทีโออาร์รถ NGV"โสภณ"ห่วงเข้มงวดจัดเอกชนเมิน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 17, 2009 16:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม เผยที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) มอบหมายให้นำข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ในโครงการประกวดราคาเช่ารถยนต์โดยสารปรับอากาศใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว(เอ็นจีวี) เป็นเชื้อเพลิงขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) มาปรับปรุงแก้ไขรายละเอียดร่างทีโออาร์ ซึ่งอาจไม่มีเอกชนรายใดเข้าร่วมประมูล โดยคาดว่าจะสามารถออกประกาศเชิญชวนเอกชนได้ภายในปีนี้

"ที่ผ่านมาได้ปรับปรุงแก้ไขอย่างรอบคอบ จนไม่รู้ว่าจะมีเอกชนรายใดสนใจเข้าร่วมประกวดราคาอีกหรือไม่" นายโสภณ กล่าว

รมว.คมนาคม กล่าวว่า ตามขั้นตอนการดำเนินโครงการดังกล่าวจะมีคณะกรรมการตรวจสอบอยู่แล้ว และยังประกวดราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์(อี-อ็อคชั่น) ซึ่งเป็นวิธีการประกวดราคาที่ยึดปฏิบัติโดยทั่วไป

ทั้งนี้ ป.ป.ช.ระบุว่าโครงการดังกล่าวมีความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาการทุจริต และอาจมีลักษณะของการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 เพราะการดำเนินการยังขาดขั้นตอนการศึกษาความเหมาะสมและความคุ้มค่า อีกทั้งไม่ปรากฏที่มาของราคาค่าเช่า ขณะที่ร่างทีโออาร์กำหนดให้เป็นรถที่ประกอบตัวถังในประเทศ 2,800 คัน แต่ข้อเท็จจริงคือผู้ผลิตมีความสามารถผลิตได้เพียงปีละ 250-300 คันเท่านั้น

สำหรับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช.มี 10 ประเด็น ได้แก่ 1.กระบวนการริเริ่มโครงการไม่ได้ศึกษาความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ ดังนั้นจึงควรศึกษาวิเคราะห์และประเมินโครงการอย่างละเอียดในทุกด้านก่อนเสนอ ครม., 2.ขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติโครงการไม่ได้รับการกลั่นกรองจากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) จึงควรต้องผ่านกระบวนการอนุมัติอย่างเข้มงวด,

3.ในส่วนของรายละเอียดร่างทีโออาร์ พบว่ามีการกำหนดลักษณะอุปกรณ์ที่ง่ายต่อการล็อคสเปค มีการตัดระบบด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมออกไป ขณะที่ความเป็นไปได้ของการส่งมอบรถ 4 พันคันในเวลา 2 ปี อาจเป็นเงื่อนไขที่ทำให้การแข่งขันลดลง ดังนั้นคณะกรรมการร่างทีโออาร์ และผู้มีอำนาจอนุมัติอาจสุ่มเสี่ยงต่อความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐฯ,

4.คุณภาพของก๊าซธรรมชาติ พบว่าคุณภาพก๊าซในอ่าวไทยและพม่าต่ำกว่ามาตรฐาน สมควรต้องกำหนดเงื่อนไขและวิธีกำกับด้านสมรรถนะและระดับมลพิษไอเสียตลอดอายุโครงการ, 5.อู่จอดรถและสถานีเติมก๊าซ พบว่าไม่มีความชัดเจนยังไม่มีการศึกษา สมควรศึกษาต้นทุนสถานีเติมก๊าซให้ชัดเจน, 6.การประกวดราคาด้วยวิธีการอี-อ็อคชั่น ไม่เป็นประโยชน์กับโครงการที่สลับซับซ้อน อาจมีการคอรัปชั่นได้,

7.ส่วนเรื่องต้นทุนและรายได้ พบว่ารายรับไม่มีความสมดุลกับค่าใช้จ่าย ผู้คำนวณต้นทุนและรายได้ต้องรับผิดชอบในความถูกต้อง และรัฐต้องติดตามผลจากการประกอบการจริงเปรียบเทียบที่คำนวณได้เสนอ ครม.พิจารณาอนุมัติ, 8.โครงการเช่ารถเอ็นจีวี ควรสอดคล้องกับแผนแม่บทด้านการขนส่งของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) ซึ่งจะแล้วเสร็จในช่วงต้นปี 2553 โครงการจึงยังไม่ควรเริ่มลงทุน,

9.ปัจจุบัน ขสมก.มีรถให้บริการเพียง 20% ส่วนที่เหลือเป็นรถเอกชน จึงควรทบทวนบทบาท ขสมก.ว่าจะเป็นผู้กำกับดูแลหรือผู้ปฏิบัติ และ 10.รัฐบาลต้องตอบสังคมว่าสังคมจะได้ประโยชน์อย่างไร ความสะดวกเกิดขึ้นจริงหรือไม่ คำนึงถึงมลพิษเพียงใด สัดส่วนของโครงการเทียบกับภาคเอกชน สมควรมีมาตรการติดตามดูแลประเมินผลว่าดำเนินการอย่างสุจริตเข้มงวด จริงจังโปร่งใส ตั้งแต่เริ่มจนเสร็จสิ้นโครงการ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ