ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 พ.ย.) หลังจากทางการอังกฤษเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค.พุ่งขึ้นเกินคาด และเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเผชิญความเสี่ยง
บลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 36.74 จุด ปิดที่ 5,345.93 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,337.01-5,382.67 จุด
แอนโทนี เกรช นักวิเคราะห์จากบริษัท IG Index กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนผันผวนหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อในเดือนต.ค.ปรับตัวขึ้น 1.5% จากระดับปีที่แล้ว นับเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน เนื่องจากต้นทุนด้านเชื้อเพลิงปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ที่บลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็นคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อจะอยู่ที่ 1.4%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงกดดันหลังจากเบอร์นันเก้เตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงเผชิญความเสี่ยงที่จะขัดขวางกระบวนการฟื้นตัว รวมถึงอัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 10% ซึ่งผลพวงของอัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นคือภาคครัวเรือนจะลดการใช้จ่าย และสภาวะที่ธุรกิจขนาดเล็กเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ยาก
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ถูกเทขายอย่างหนักหลังจากราคาโลหะที่ตลาดลอนดอนร่วงลง อันเป็นผลมาจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้น โดยหุ้นแองโกล เมริกัน ปิดร่วง 1.6% หุ้นยูเรเชียน เนเชอรัล รีซอร์สเซส ดิ่งลง 2.2% หุ้นลอนมิน ร่วงลง 2.9% และหุ้นเอ็กซ์สตราตาดิ่งลง 3.3%
ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง หลังจากนางเมเรดิธ วิทนีย์ นักวิเคราะห์ชื่อดังของสหรัฐแสดงความเห็นในทางลบต่อภาคธนาคาร โดยหุ้น HSBC ดิ่งลง 2.1% หุ้นธนาคารบาร์เคลย์สร่วงลง 2.78% และหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดร่วงลง 1.6%