นายสงกรานต์ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเม้นท์(CI) คาดว่าผลประกอบการของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป เป็นตามทิศทางภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น โดยคาดว่าไตรมาส 4/52 บริษัทจะพลิกสถานการณ์กลับมามีกำไรได้จากที่มีผลขาดทุน 19 ล้านบาทในไตรมาส 3/52 โดยเฉพาะจากโครงการศรีพันวา ภูเก็ต ที่ไตรมาสนี้มีอัตราเข้าพักเพิ่มขึ้นเป็น 80-90% จากที่มีน้อยมากในไตรมาสที่ผ่านมาซึ่งเป็นช่วงโลว์ซีซั่น
นอกจากนั้น ยังเชื่อว่าผลประกอบการทั้งปีนี้คงจะเป็นกำไรสุทธิได้ เพราะงวด 9 เดือนก็ยังเป็นกำไรอยู่ และขณะนี้เหลือการขาย 4 โครงการ คือ ชาญอิสสระ ลาดพร้าว เหลือ 40% จากมูลค่าโครงการ 2,600 ล้านบาท ชาญอิสสระ สุขุมวิท 42 เหลือ 20% จากมูลค่าโครงการ 460 ล้านบาท บ้านชานทะเล ชะอำ เหลือ 30% จากมูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท และโครงการศรีพันวาภูเก็ต ตอนนี้เร่งก่อสร้างศรีพันวาเฟส 4
"บ้านชานทะเล ตอนนี้มีชาวต่างชาติแถบยุโรปสนใจซื้อบิ๊กล็อตประมาณ 25 ยูนิต ยูนิตละ 10 ล้านบาท เป็นพวก private ไม่ใช่กองทุน"นายสงกรานต์ กล่าว
และบริษัทยังคาดว่าในปี 53 ยอดขายและรายได้จะมีอัตราเติบโตราว 10% จากปีนี้ที่ทำรายได้ราว 1.1 พันล้านบาทใกล้เคียงกับปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะเติบโตได้ประมาณ 5-10%
"ทิศทางอสังหาฯปี 53 น่าจะโอเค ถ้าจะกังวล ก็เรื่องการเมืองเรื่องเดียว เพราะถ้าเป็นผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกก็กระทบทั่วโลกพอจะรับได้ ไม่กลัว และมองแนวโน้มปี 53 การแข่งขันรุนแรง โดยเฉพาะคอนโดฯ ในเมือง ซัพพลายเยอะราคาก็ต้องสู้กัน รู้สึกตึงๆ ตันๆ"กรรมการผู้จัดการ CI กล่าว
นายสงกรานต์ กล่าวว่า บริษัทยังเตรียมพิจารณาจังหวะเหมาะสมในการยื่นไฟลิ่งเพื่อจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ขนาด 1.65-1.70 พันล้านบาท มีบล.เคทีซีมิโก้ เป็นที่ปรึกษา คาดว่าจะเสนอขายได้ราวต้นปี 53 เม็ดเงินน่าจะเข้ามาในไตรมาส 1-2/53 โดยบริษัทคาดว่าจะนำเงินจากการขายโรงแรมในเครือศรีพันวา ภูเก็ต จำนวน 40 กว่ายูนิตเข้าเป็นสินทรัพย์กองทุนดังกล่าว เพื่อมาใช้ซื้อที่ดินหรือซื้อโรงแรมใหม่ใน จ.ภูเก็ต และ จ.กระบี่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาไปบ้างแล้ว
"ตั้งกองทุนเป็นประโยชน์ขยายธุรกืจโรงแรมของเราต่อไป แต่ไม่ตั้งก็ได้ แต่ถ้าตั้งก็จะโตก้าวกระโดดได้ จังหวะในการขายกองทุนปี 53 เพราะดอกเบี้ยยังต่ำ"นายสงกรานต์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ราว 500 ล้านบาทเพื่อซื้อที่ดินเพิ่มในปี 53 โดยกำลังพิจารณาที่ดินแห่งใหม่ใน จ.ภูเก็ต และมีแผนจะเปิดโครงการใหม่ราว 2 โครงการ โดยจะเป็นโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ในกรุงเทพ 1 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียมและรีสอร์ทใน จ.ภูเก็ต และ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี รวมมูลค่าโครงการราว 1.5-2.0 พันล้านบาท
"เราจะซื้อที่ดินเพิ่มที่ภูเก็ต เพราะศรีพันวาน่าจะจบตรงนี้ ต้องหาที่ดินใหม่ ตอนนี้มีคุยทุกสัปดาห์เพราะมีคนจะขายเยอะ...เริ่มเป็นห่วงการแข่งขันใน กทม.รุนแรงเกินจำเป็น ต้องระมัดระวัง จึงมองที่ภูเก็ต แต่ถ้าเพิ่มโครงการในกทม.จะดูบ้านจัดสรร ทาวเฮ้าสน์ การแข่งขันจะรุนแรงต้นทุนที่ดินก็สูงขึ้นกำไรถูกบีบมาก การอนุญาคต่างๆมีขั้นตอนเยอะอุปสรรคมาก ขณะที่ต่างจังหวัดความเสี่ยงน้อยกว่า" นายสงกรานต์ กล่าว